เปิดเส้นทาง ‘เอก สายไหมต้องรอด’ โยงรีดทรัพย์คดี ‘ดิไอคอน’
เอฟเฟกต์คดีดิไอคอน กรุ๊ป เกมเอาคืนจากฝั่ง “บอสพอล” แฉสิ้นไส้ถึงขบวนการตบทรัพย์ของบรรดานักร้อง ย้อนเส้นทาง “เอก สายไหมต้องรอด”
KEY
POINTS
- เอฟเฟกต์คดีดิไอคอน กรุ๊ป เกมเอาคืนจากฝั่ง “บอสพอล” แฉสิ้นไส้ถึงขบวนการตบทรัพย์ของบรรดานักร้อง
- ย้อนเส้นทาง “เอก สายไหมต้องรอด” ผู้นี้ผ่านแวดวงการเมืองเป็นที่รู้จักมาตั้งแต่เป็น “ผู้ช่วย สส. ” ของ “ผู้การป๊อบ” น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ อดีต สส.กทม.เขตสายไหม พรรคเพื่อไทย
-
“เอก เอกภพ” เปิดตัวลงชิง “สส.กทม.” เขตสายไหม ในนามพรรคภูมิใจไทยท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงจุดยืนที่เปลี่ยนไป
-
“เอก เอกภพ” ได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษา รมว.มหาดไทย ในรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน แน่นอนว่า เอฟเฟกต์คดีดิไอคอน กรุ๊ปที่กำลังเปิดฉากอยู่ในเวลานี้ ย่อมส่งผลไปถึงต้นสังกัดคือพรรคภูมิใจไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เอฟเฟกต์คดีดิไอคอน กรุ๊ป จนถึงวินาทีนี้ นอกเหนือจากการดำเนินคดีกับ “18 บอส” ในคดีหลอกลงทุนรวมถึงคดีที่มีความเชื่อมโยงกันแล้ว ยังดูเหมือนว่า จะมีเกมเอาคืนจากฝั่ง “บอสพอล” วรัตน์พล วรัทย์วรกุล ที่ล่าสุดมีบัญชาจากเรือนจำ ผ่านทนายความส่วนตัวแฉสิ้นไส้ถึงขบวนการตบทรัพย์ของบรรดานักร้อง
รวมไปถึงการดำเนินการฟ้องร้อง “เอกภพ เหลืองประเสริฐ” หรือ “เอก สายไหม ต้องรอด” กรณีการนำพยานเท็จมาแถลงข่าวกับให้การกับตำรวจ โดยล่าสุดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง 9 เตรียมเรียกเข้าให้ข้อมูลกรณีดังกล่าว
คดีความที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะนี้ ยังรอการพิสูจน์ใครผิดใครถูก ไม่ต่างจากชื่อของ “เอก สายไหมต้องรอด” ที่ถูกแสงสปอตไลต์สาดอยู่ในเวลานี้
หลายคนอาจรู้จักเขาในนาม ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ซึ่งมีบทบาทในการรับเรื่องร้องทุกข์ รวมถึงให้ความช่วยเหลือในเคสต่างๆ
ทว่าหากย้อนเส้นทางลึกไปกว่านั้น “เอก สายไหม ต้องรอด” ผู้นี้ผ่านแวดวงการเมืองเป็นที่รู้จักมาตั้งแต่เป็น “ผู้ช่วย สส. ” ของ “ผู้การป๊อบ” น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ อดีต สส.กทม.เขตสายไหม พรรคเพื่อไทย
ในการเลือกตั้งครั้งล่าสุดเมื่อ ปี 2566 เป็นที่รู้กันว่า เวลานั้นเกิดปัญหาความเป็นกลุ่มก๊วนในพรรคเพื่อไทย ส่งผลให้สมาชิกกลุ่มของ
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ได้ยกก๊วนลาออกไปตั้งพรรคไทยสร้างไทย “ผู้การป๊อบ” อนุดิษฐ์ ก็เป็นหนึ่งในจำนวนนั้น
ทว่าในส่วนของ “เอก เอกภพ” ต่อมาได้เปิดตัวลงชิง “สส.กทม.” เขตสายไหม ในนามพรรคภูมิใจไทย
ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงจุดยืนที่เปลี่ยนไป เนื่องจากเป็นที่รู้กันว่า ในช่วงเกิดวิกฤติโควิด-19 เพจสายไหมต้องรอดวิจารณ์การบริหารจัดการของ “อนุทิน ชาญวีรกูล” รมว.สาธารณสุข แถมยังเป็นหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยอย่างดุเดือด
เวลานั้น “เอก สายไหม” ชี้แจงถึงเหตุผลท่ามกลางครหา “จุดยืนที่เปลี่ยนไป” ว่า เกิดจากการจัดสรรบุคคลที่จะลงสมัคร สส.ในเขตดังกล่าวเนื่องจาก “ผู้การป๊อบ”อนุดิษฐ์ จะขยับขึ้นบัญชีรายชื่อ พรรคไทยสร้างไทย และส่ง "สมชาย เวสารัชตระกูล" อดีต สก.เขตสายไหม พรรคประชาธิปัตย์ ลงชิงในเขตดังกล่าวแทน
ทำให้ตนซึ่งได้รับการชักชวนจาก “วัน อยู่บำรุง” สส.กทม.พรรคเพื่อไทยเวลานั้น ตัดสินใจไปสมัครสมาชิกพรรคเพื่อไทย พร้อมเสนอตัวลงชิงในเขตดังกล่าวแทน
ทว่าต่อมาได้รับแจ้งว่าเขตดังกล่าวมีผู้เสนอตัวลงชิงหลายคน กระทั่งพรรคเพื่อไทยเคาะ “เอกภาพ หงสกุล” น้องชาย “ปวีณา หงสกุล” ประธานมูลนิธิปวีณา หงสกุล เพื่อเด็ก และสตรีลงชิงในเขตดังกล่าว
อีกหนึ่งสาเหตุที่พรรคเพื่อไทยไม่เลือก “เอก สายไหมต้องรอด” ลงชิงในเขตดังกล่าว ได้รับการเปิดเผยภายหลังจาก นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เวลานั้นว่า "คณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัครในเขต กทม. เขายังระแวงว่า เอกตัดป๊อบ ตัดคุณหญิงหน่อย ขาดหรือไม่ ดังนั้น ก็ไม่เอาดีกว่า"
เป็นที่มาของการลงสมัคร สส.เขตสายไหมในนามพรรคภูมิใจไทย
“เวลาที่ผมทำงาน ผมทำอย่างตรงไปตรงมา ถ้าอะไรที่ทำงานแล้วไม่คลิกกับพี่น้องประชาชน หรือประชาชนติดขัดตรงไหน ผมก็พูดตามข้อเท็จจริง เราไม่มีอะไรที่จะต้องไปว่า เดี๋ยวพรรคนี้เราไม่อยากพูดถึง กระทบ ผมว่าผมทำงานเพื่อประชาชน และรู้สึกว่า ครั้งสถานการณ์โควิด ถ้าบริหารดี ผมก็ว่าดี แต่ถ้าบริหารไม่ดี ผมก็ต้องติ ให้มีพัฒนาเปลี่ยนแปลงขึ้นมา อันนี้คือ ข้อเท็จจริง”
“พอช่วงหลัง พอเราไปทำพื้นที่หนักๆ มีสื่อไปนำเสนอข่าว ทางกระทรวงสาธารณสุข ก็ส่งเจ้าหน้าที่มาสนับสนุนการทำงานของทีมเรามากขึ้น และเจ้าหน้าที่ ที่มาก็บอกว่า ผู้ใหญ่ของกระทรวง ก็คือ นายอนุทิน ทราบ ก็เลยส่งคนมาไม่ว่าจะเป็นชุดตรวจ ยารักษาโรค ก็พยายามสนับสนุนเรา หรือแม้แต่ผู้ป่วยที่เราพบว่า มีอาการวิกฤติ เข้าถึงโรงพยาบาลไม่ได้ เราก็ประสานเจ้าหน้าที่ ก็ช่วยกันหา ทำงานเป็นเครือข่ายกันตลอด ตอนหลังก็ทำงานดีมากขึ้น ก็อะไรที่เคยเป็นปัญหา ก็พูดตรงๆ ไม่ดี ก็บอกว่า ไม่ดี..”
เอก สายไหมฯ ชี้แจงถึงเหตุผลถึงจุดยืนที่เปลี่ยนไปหลังลงสมัคร สส.เขตสายไหม ในนามพรรคภูมิใจไทย เมื่อวันที่ 20 มี.ค.2566
ผลการเลือกตั้งครั้งนั้นปรากฏว่า “เอก เอกภพ” จากพรรคภูมิใจไทย ได้คะแนนเป็นลำดับ 3 ด้วยคะแนน 14,645 คะแนน ขณะที่ "สมชาย เวสารัชตระกูล" พรรคไทยสร้างไทย ได้ 22,242 คะแนน โดยตั๋วผู้แทนเขตดังกล่าวตกเป็นของ "ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์" พรรคก้าวไกล เอาชนะอย่างท่วมท้นด้วยคะแนน 36,985 คะแนน
“เอก เอกภพ” ได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษา รมว.มหาดไทย ในรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน
ในช่วงที่มีคดีดิไอคอนแรกๆเขาปรากฎตัวหน้าสื่อร่วมกับทีมทนายที่ตั้งตนว่าเป็น "ทนายอเวนเจอร์" นำเหยื่อในคดีดิไอคอนกว่า100คนเข้าร้องทุกข์ต่อกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง จนกระทั่งนำมาสู่เกมเอาคืนจาก"บอสพอล" สั่งตรงมาจากเรือนจำ เอาผิดทนายตบทรัพย์ รวมถึง "เอก สายไหม" กรณีพยานเท็จ
เป็นเช่นนี้แน่นอนว่า เอฟเฟกต์คดีดิไอคอนกรุ๊ปที่กำลังเปิดฉากอยู่ในเวลานี้ ย่อมส่งผลไปถึงต้นสังกัดคือ พรรคภูมิใจไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ล่าสุด “เอก เอกภพ” ออกมาชี้แจงถึงกรณีที่เกิดขึ้นว่า ไม่ได้รู้สึกกังวลอะไร ยืนยันว่าทุกอย่างทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ เจตนาบริสุทธิ์ ต้องการช่วยผู้เสียหายให้ได้รับความเป็นธรรมเท่านั้น ส่วนตำแหน่งที่ปรึกษา มท.1 หมดวาระไปตาม “รัฐบาลเศรษฐา” ขณะนี้ยังไม่ได้ตั้งใครไปทำหน้าที่ดังกล่าว
ไม่ต่างจาก “มท.หนู” อนุทิน ที่ระบุว่า ตอนนี้เปลี่ยนรัฐบาลแล้ว ไม่ได้ตั้งเอกภพเป็นที่ปรึกษาแล้ว เรามีเรื่องอะไรที่สงสัยก็ต้องชะลอไว้ก่อน
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์