'อนุสรณ์' เผย 'รัฐบาล-เพื่อไทย' ไม่นิ่งนอนใจ ติดตามการจัดทำ รธน.ใกล้ชิด

'อนุสรณ์' เผย 'รัฐบาล-เพื่อไทย' ไม่นิ่งนอนใจ ติดตามการจัดทำ รธน.ใกล้ชิด

"อนุสรณ์" เผย "รัฐบาล-เพื่อไทย" ไม่นิ่งนอนใจ ติดตามสถานการณ์การจัดทำ รธน. ใกล้ชิด แต่ ปัญหาประเทศมีมาก ละทิ้งไม่ได้ ต้องทำควบคู่กันไป ย้ำ รธน.ฉบับใหม่ต้องยึดโยงประชาชน

เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ออกมาระบุว่า หากเดินหน้าตามแผนแก้รัฐธรรมนูญเดิม จะไม่สามารถจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ทันการเลือกตั้งครั้งหน้า ฉะนั้น รัฐบาลจึงต้องคิดแผนใหม่ ว่า รัฐบาลและพรรค พท. มีความประสงค์อยากให้เรื่องการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ประสบความสำเร็จ ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาทั้งรัฐบาลและพรรคพท. ได้ติดตามและประเมินสถานการณ์ กระบวนการการจัดทำรัฐธรรมนูญทั้งระบบอย่างใกล้ชิด และอยากให้เป็นไปตามแผนงานนโยบายที่รัฐบาลได้เคยประกาศไว้ ดังนั้น จึงอาจเร็วเกินไปที่จะด่วนสรุปว่ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะเสร็จไม่ทันการเลือกตั้งในปี 2570 

นายอนุสรณ์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ กุญแจดอกสำคัญในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ คือร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ว่าจะเสร็จทันหรือไม่ ซึ่งหากต้องรอให้พ้น 180 วันแล้ว สส.ยืนยันตามร่างกฎหมายฉบับเดิมที่ผ่านการเห็นชอบของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ก็ให้ถือว่าได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมร่วมทั้งสองสภาลแล้ว แต่ก็เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา อย่างไรก็ตาม หากสามารถประนีประนอมและแสวงหาทางออกร่วมกันได้ หรือมีวิธีการอื่นที่สามารถทำให้กระบวนการเดินหน้าได้เร็วขึ้น การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ก็จะเดินหน้าได้ ไม่สะดุด 

“ยืนยันว่าขณะนี้ คณะผู้บริหารของรัฐบาล และพรรคเพื่อไทย ไม่ได้นิ่งนอนใจ มีการตั้งคณะทำงานทั้งในส่วนของรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยขึ้นมาติดตามสถานการณ์ เกาะติดเรื่องนี้โดยเฉพาะ แต่ปัญหาของประเทศก็มีมาก ซึ่งรัฐบาลพยายามเดินหน้าแก้ไขปัญหาทุกด้าน ย้ำว่า การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นั้นสำคัญ แต่การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้องให้พี่น้องประชาชนก็สำคัญและต้องเดินควบคู่กันไป จะละทิ้งไม่ได้” นายอนุสรณ์ กล่าว
 
นายอนุสรณ์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต้องยึดโยงกับประชาชนให้มากที่สุด มีกระบวนการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน และต้องมีความละเอียดรอบคอบ ที่สำคัญต้องระมัดระวังไม่ให้ถูกนำไปบิดเบือน จนเป็นชนวนเหตุของความขัดแย้งรอบใหม่ขึ้นในสังคม