'นิกร' วอน 'พท.' ถอยครึ่งก้าว หวั่นยื้อ180 เกิดปมแตกหัก เสี่ยงไม่ได้ รธน.ปชช.

'นิกร' วอน 'พท.' ถอยครึ่งก้าว หวั่นยื้อ180 เกิดปมแตกหัก เสี่ยงไม่ได้ รธน.ปชช.

"นิกร" ประเมิน หาก ประชามติ ไม่ถอยครึ่งก้าว เสี่ยงไม่ได้ รธน.ฉบับประชาชน วอน “พท.” ใช้วิธีประนีประนอม อย่าดันเสียงข้างมากชั้นเดียว ยื้อ 180 วัน

นายนิกร จำนง เลขานุการคณะกรรมาธิการร่วมกันเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ  กล่าวถึงแนวทางการแก้ไขบทบัญญัติที่ว่าด้วยเกณฑ์ผ่านประชามติเรื่องรัฐธรรมนูญ ว่า จากที่ตนเสนอแนวทางให้ใช้เกณฑ์ผ่านประชามติเรื่องรัฐธรรมนูญด้วยเสียงข้างมากชั้นครึ่ง คือ ต้องมีผู้ออกมาใช้สิทธิ์เกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิ ขณะที่เสียงเห็นชอบนั้นใช้เสียงข้างมากของผู้มาออกเสียง และต้องเป็นจำนวนที่มากกว่าเสียงโนโหวต แทนการใช้เสียงข้างมาก2ชั้น คือ ต้องมีผู้ออกมาใช้สิทธิเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิและเสียงเห็นชอบต้องเกินกึ่งหนึ่งของผู้ออกมาใช้สิทธิ นั้นเพื่อให้เป็นแนวทางประนีประนอม ระหว่างหลักการที่ กมธ.ฝั่งสส.ยึดถือ คือ เสียงข้างมากปกติ และ กมธ.ฝั่งสว. ที่ต้องการใช้เกณฑ์เสียงข้างมาก2 ชั้น อย่างไรก็ดีในประเด็นข้อเสนอนั้นเชื่อว่าจะมีกมธ.ที่สนับสนุน ทั้งจากพรรครวมไทยสร้างชาติและจากพรรคภูมิใจไทย เนื่องจากแนวทางเสียงข้างมากชั้นครึ่งนั้น เคยเป็นแนวทางที่พรรคภูมิใจไทยเสนอร่างแก้ไขพ.ร.บ.ประชามติต่อสภาฯ

นายนิกร กล่าวด้วยว่าส่วนกรณีที่แกนนำพรรคเพื่อไทย เช่น นายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ไม่เห็นด้วย เพราะต้องการใช้เสียงข้างมากปกติ และต้องการให้สภาฯ ยืนยันบทบัญญัติในเรื่องดังกล่าว หลังจากที่ผ่านเวลา 180 วันนั้น ตนมองว่าพรรคเพื่อไทยควรประเมินให้ดี เพราะหากมีกรณีแตกหักในชั้นกรรมาธิการฯ ซึ่งเป็นการแตกหักกับ สว. อาจทำให้ไม่ได้รับความร่วมมือในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ตามขั้นตอนแล้วต้องได้เสียงสว. รับหลักการวาระแรก 1 ใน 3 หรือ 67 เสียง

“เสียงของสว.มีส่วนสำคัญต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อนำไปสู่รัฐธรรมนูญของประชาชน หากไม่มีหนทางประนีประนอมแล้ว รัฐธรรมนูญฉบับประชาชนอาจไม่มีทางเกิดขึ้นได้เลย ส่วนที่กังวลว่าจะมีผู้ออกมาใช้สิทธิประชามติ ไม่ถึง 50% ของผู้มีสิทธินั้น ตามสาระของร่างแก้ไขพ.ร.บ.ประชามติ ได้เปิดให้ใช้วิธีออกเสียงผ่านทางไปรษณีย์ ซึ่งจะเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนได้มาก และเชื่อว่าจะทำให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิประชามติเรื่องรัฐธรรมนูญเกินเกณฑ์กำหนด ดังนั้นจึงขอเรียกร้องให้ 2 ฝ่ายพยายามประนีประนอมกันถอยคนละครึ่งก้าวเพื่อข้ามความยากลำบากนี้ไปให้ได้เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนที่ผู้คนเฝ้ารอ” นายนิกร กล่าว

นายนิกร กล่าวด้วยว่าสำหรับการประชุมของกมธ.ร่วมฯ ในสัปดาห์หน้าจะงด และจะนัดอีกครั้งวันที่ 20 พ.ย. โดยเชิญตัวแทนของบริษัทไปรษณีย์ไทย และ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มาหารือถึงแนวทางการทำประชามติด้วยวิธีอื่นๆ นอกจากการตั้งหน่วยและลงคะแนนในคูหา เบื้องต้นจากที่ตนศึกษาแนวทางการทำประชามติด้วยระบบไปรษณีย์นั้น เชื่อว่าประเทศไทยสามารถทำได้ แม้ไม่เคยทำมาก่อน อีกทั้งหลังจากที่ กกต. เข้าหารือกับ กมธ.ร่วมแล้ว ทราบว่าจะเดินทางไปดูงานการประชามติที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ดังนั้นจึงเป็นโอกาสที่กกต.จะกำหนดและออกแบบการทำประชามติผ่านระบบไปรษณีย์ที่เหมาะสมต่อไปได้.