เรืองไกร ปัดฝุ่น คดีสนามฟุตซอล ร้อง ‘กกต.’ สอย อิ๊งค์ พ่วง3รมต. ส่อขัดจริยธรรม
“เรืองไกร” ปัดฝุ่น คดีสร้างสนามฟุตซอล ยื่น กกต. ตรวจสอบ “แพทองธาร” พ่วง “ประเสริฐ-มนพร-ธีรรัตน์” เคยได้รับจัดสรรงบฯ ส่อไม่ซื่อสัตย์ฯ ขัดจริยธรรม เป็นเหตุให้ความเป็น รมต.สิ้นสุดลงตาม รธน. ม.170 (4) ประกอบ ม.160 (4) (5) หรือไม่ หลังพบจำเลยที่1มีส่วนแปรญัติ ใช้งบฯ มิชอบ
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ยื่นหนังสือถึงประธานกกต. ผ่านไปรษณีย์EMS ขอให้ตรวจสอบน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี 3ราย มีความไม่ชื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ ประจักษ์หรือไม่ หรือมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่กรณีจะเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของน.ส.แพทองธาร สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 (4) ประกอบมาตรา 160 (4) (5) หรือไม่
นายเรืองไกร กล่าวว่า ตนใช้เวลาศึกษาคดีฟุตซอลมานานพอควร จนศาลฎีกาตัดสินว่ามีความผิดอาญาไปแล้วหนึ่งคดี ซึ่งทำให้เห็นได้ว่า คดีนี้เป็นการใช้งบแปรญัตติปี 2555 ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) โดยไม่ชอบ และมีวงเงินสูงถึง 4,459.42 ล้านบาท โดยเป็นพรรคเพื่อไทย 2,568.42 ล้านบาท และพรรคการเมืองอื่นๆ เป็นเงิน 1,891.00 ล้านบาท โดยตนมีรายชื่อที่ได้มาจากเอกสารในสำนวน ป.ป.ช. เกือบทุกราย
นายเรืองไกร กล่าวว่า คดีฟุตซอลมีความล่าช้ามาก ซึ่งต้องให้ ป.ป.ช. ชี้แจงต่อสาธารณชนเอง แต่สำหรับเรื่องที่ตนร้อง กกต. ทางไปรษณีย์ EMS วันนี้ เป็นกรณีที่นายกรัฐมนตรีไปแต่งตั้งรัฐมนตรี 3 ราย ซึ่งปรากฏชื่ออยู่ในเอกสารสำนวนคดีที่ยื่นต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยทั้ง 3 ราย นายกรัฐมนตรีได้แต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2567 ดังนี้ 1.นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม 2.นางมนพร เจริฐศรี เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และ 3.น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
นายเรืองไกร กล่าวว่า ต่อมาวันที่ 5 กันยายน 2567 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีหมายเลขแดงที่ อม.11/2567 ได้มีคำพิพากษาสรุปได้ว่า “พยานหลักฐานจากการไต่สวนจึงมีเหตุผลและน้ำหนักให้รับฟังว่า จำเลยที่ 1 มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดทำบัญชีรายละเอียดขอสนับสนุนงบประมาณเพื่อให้มีการดำเนินการตามบัญชีคุมยอดรายการแปรญัตติ (ใบโควตา) ซึ่งมีผลโดยตรงต่อการพิจารณาจัดสรรงบประมาณ (งบแปรญัตติ) ของสพฐ. อันเป็นการเข้าไปมีส่วนร่วมในการใช้เงินงบประมาณโดยมิชอบ”
นายเรืองไกร กล่าวว่า เมื่อย้อนไปตรวจสำนวนคดีหน้า 09870 พบว่า จำเลยที่ 1 คือ นางสมหญิง บัวบุตร เมื่อครั้งเป็น สส. อำนาจเจริญ เขต 1 พรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 132 ได้งบประมาณ 60,000,000 บาท เมื่อตรวจสอบรายชื่อก่อนหน้านี้ หน้า 09867 ลำดับที่ 38 มีชื่อน.ส.ธีรรัตน์ ได้งบประมาณ 20,000,000 บาท หน้า 09868 ลำดับที่ 51 มีชื่อนายประเสริฐ ได้งบประมาณ 2,000,000 บาท ลำดับที่ 69 มีชื่อนางมนพร ได้งบประมาณ 13,000,000 บาท
นายเรืองไกร กล่าวว่า กรณีตามพยานหลักฐานในสำนวนคดีที่ศาลรับฟังแล้ว ย่อมเป็นข้อเท็จจริงที่อาจทำให้เข้าใจได้ว่า รัฐมนตรีทั้ง 3 คน ที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งไปนั้น อาจจะมีการเข้าไปมีส่วนร่วมในการใช้เงินงบประมาณโดยมิชอบด้วย กรณีจึงไม่ควรจะแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีอีกต่อไป ทั้งนี้ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา มาตรา 170 (4) ประกอบมาตรา 160 (4) (5)
นายเรืองไกร กล่าวว่า เมื่อตนทราบข้อเท็จจริงดังกล่าว จึงได้ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีเพื่อขอให้ปรับรัฐมนตรีทั้ง 3 ราย ออกจากตำแหน่ง แต่นายกรัฐมนตรีกลับไม่มีการดำเนินการใดๆ กรณีดังกล่าวจึงมีเหตุอันควรขอให้ กกต. ตรวจสอบว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี 3 ราย เข้าข่ายมีความไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์หรือไม่ หรือมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง หรือไม่ กรณี จะเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของน.ส.แพทองธาร สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 (4) ประกอบมาตรา 160 (4) (5) หรือไม่ ทั้งนี้ตามแนวคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 21/2567