วาทะ ‘ผมไม่หมูแล้วนะ’ จุดเปราะบาง ‘ปีกอนุรักษ์-ทักษิณ’
ถอดรหัสวาทะ "ผมไม่หมูแล้วนะ"ของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร กลางวงสัมมนา สส.พรรคเพื่อไทย มีนัยสำคัญต้องการสื่อถึงพรรคร่วมและขั้วตรงข้ามทางการเมือง การจะโค่นล้มรัฐบาลเพื่อไทยในวันนี้ไม่ง่ายเหมือนในอดีต
KEY
POINTS
- “ผมไม่หมูแล้วนะ" เป็นวาทะของ "ทักษิณ ชินวัตร" ในงามสัมมนาพรรคเพื่อไทย ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อ 13 ธ.ค. 67
- ถอดคำพูดดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าอดีตนายกฯ ต้องการสื่อสารถึงพรรคร่วมฯ และขั้วตรงข้ามว่า "พรรคเพื่อไทย" ล้มไม่ได้ง่ายๆ เหมือนในอดีต
- "พรรคเพื่อไทย" มี 142 สส. ต่างจากยุคไทยรักไทย-เพื่อไทย ในอดีตที่มีเสียงเบ็ดเสร็จเด็ดขาด อำนาจต่อรองของพรรคร่วมจึงไม่ดังพอ ขณะที่พรรคร่วมปัจจุบัน มีพลังอำนาจในการต่อรองสูง
- อดีตเลขาธิการ สมช.วิเคราะห์ว่า "ทักษิณ" ต้องเดินเกมให้ "พรรคเพื่อไทย" ร่วมรัฐบาลกับพรรคสายอนุรักษนิยม เพื่อประสานผลประโยชน์ร่วมกัน
- ผลงานที่เด่นชัดเจน "จับต้องได้" ในอดีตจุดแข็งของ "เพื่อไทย" กำลังถูกวิจารณ์ว่าบางนโยบายไม่ตรงปก ซึ่งจะส่งผลถึงคะแนนนิยมในอนาคต
- "รัฐพันลึก" อำนาจพิเศษในยุคสามก๊กการเมืองไทยวันนี้ ก็ไม่ได้มีหลักประกันจะยืมมือ "พรรคเพื่อไทย" เป็นเบอร์หนึ่งในปีกอนุรักษ์ไปได้ตลอด
“บังเอิญผมไปนครปฐม หมูมันเปลี่ยนเสียงเรียก มันเรียกผม พี่ๆ แต่เมื่อก่อนผมไปนครปฐม หมูไม่เปลี่ยนเสียงเรียก มันไม่เรียกพี่ มันร้องอู๊ดๆ แสดงว่าผมไม่หมูแล้วนะ ขนาดหมูมันยังรู้ ว่าผมไม่หมูแล้ว เพราะฉะนั้นไอ้คนที่ร้องผม ร้องพรรค ร้องไม่สำเร็จ ก็เตรียมถูกเช็กบิลด้วยละกันนะ”
อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร แสดงความมั่นใจในฐานะที่เป็นวิทยากรพิเศษในการบรรยาย หัวข้อ “สถานการณ์ทิศทางโลกและการปรับตัว” ในโครงการเสริมศักยภาพ สส.และบุคลากรทางการเมืองของพรรคเพื่อไทย ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อ 13 ธ.ค. 2567
ในทางหนึ่ง “ทักษิณ” แสดงความมั่นใจว่า “รัฐบาลพรรคเพื่อไทย” ที่ประกอบกำลังกันด้วยกลุ่มพรรคการเมืองสายอนุรักษนิยม รวมเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็ก หนุนรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ด้วย 314 เสียง ไม่มีทางถูกโค่นล้มได้ง่ายๆ เหมือนรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน
เห็นได้จากกรณีล่าสุด ศาลรัฐธรรมนูญได้มีมติเอกฉันท์ สั่งไม่รับคำร้องของ “ธีรยุทธ สุวรรณเกษร” ที่ขอให้วินิจฉัยประเด็น “ทักษิณ” และ “พรรคเพื่อไทย” กระทำการใช้สิทธิหรือเสรีภาพล้มล้างการปกครอง และมีมติเสียงข้างมาก 7 ต่อ 2 เสียงสั่งไม่รับคำร้องในประเด็น "ทักษิณ"สั่งการรัฐบาลให้เอื้อประโยชน์แก่อดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศกัมพูชา ให้มีการเจรจาพื้นที่ทับช้อนทางทะเล
“ผมไม่หมูแล้วนะ” มีนัยสำคัญทางการเมือง เมื่อ “ทักษิณ” ต้องการสื่อสารไปถึงพรรคร่วมรัฐบาลและองคาพยพฝั่งตรงข้าม เป็นการปฏิบัติการสื่อสารไอโอทางการเมือง เพื่อสื่อว่า “ทักษิณ” ในวันนี้มียังคงพลังพิเศษ หรือ “แบ็ก” หนุนหลังอยู่ ต่างจากสมัยพรรคไทยรักไทย 377 เสียง และรัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่มียิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี
ข่มพรรคร่วมผ่านวาทะ "ผมไม่หมู"
เรื่องนี้ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร หรือ เสธ.แมว อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) วิเคราะห์การสื่อสารของ “นายใหญ่” แห่ง “พรรคเพื่อไทย”ว่า การสื่อสารเช่นนี้ของอดีตนายกฯ ทักษิณ ก็เพื่อตัดไม้ข่มนาม เพราะสภาพความเป็นจริง ยังมีตัวแปรอีกหลายปัจจัย เขาบอกไม่หมู เสมือนเป็นการกำราบกับพรรคต่างๆ เพราะพรรคต่างๆนั้นไม่ธรรมดา ทำให้บรรดาพรรคร่วมรัฐบาลออกมาปฏิเสธว่าพรรคตนเองไม่เกี่ยวข้องกรณีที่อดีตนายกฯ แสดงความไม่พอใจพรรคร่วม
“อดีตนายกฯ ทักษิณแสดงออก แต่พวกพรรคอื่นระมัดระวัง จึงไม่ยอมให้กำราบได้ เพราะจะส่งผลให้พวกเขาถูกครอบงำได้ แต่พรรคร่วมยังจำเป็นต้องรักษามารยาทไว้ เพราะพรรคเพื่อไทยต่างจากอดีตไม่ใช่ พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน พรรคเพื่อไทย ยุคนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ที่มีเสียงดัง แต่ตอนนี้พรรรคเพื่อไทยมี สส. 142 เสียงจะมาเสียงดังได้อย่างไร เรื่องนี้จึงเป็นแค่ประโยชน์ทางการเมือง”
ด้วยสภาพของรัฐบาลผสมที่นำโดย “พรรคเพื่อไทย” เป็นแกนนำประกอบด้วยหลายพรรคการเมือง การพลิกขั้วจัดตั้งรัฐบาลโดยทิ้ง “พรรคก้าวไกล” เป็นฝ่ายค้าน ส่งผลให้ “อดีตนายกฯ ทักษิณ” ไม่ต้องติดคุกในเรือนจำ และสามารถกลับมาประเทศไทยในลักษณะนักโทษวีไอพี การกุมสภาพอยู่ร่วมกับพรรคการเมืองที่เคยอยู่ตรงข้ามกันจึงเป็นเรื่องที่จำเป็นที่ “ทักษิณ”ต้องเลือกเดินในกระดานนี้
รัฐพันลึก แบ็กอัพ รัฐบาลเพื่อไทย
“พล.ท.ภราดร” ชี้ว่า “ทักษิณ”ต้องไปทางนั้น ซึ่งมีอำนาจรัฐพันลึกอยู่ข้างหลัง ทำให้ “ทักษิณ”ยอมไปทางนั้น
“ลักษณะมีรัฐพันลึกไฟเขียวให้คุณทักษิณเดินมาได้จนมาถึงตอนนี้” เสธ.แมว ตีความถอดรหัสจากคำพูด “ผมไม่หมูแล้วนะ”
อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่า “รัฐบาลพรรคเพื่อไทย” ภายใต้การนำของ “แพทองธาร ชินวัตร” บุตรสาวของ “ทักษิณ” ก็ยังไม่มีหลักประกันใดทางการเมืองที่รองรับได้ว่า “พรรคเพื่อไทย” จะไม่หมูเช่นนี้ไปตลอดรอดฝั่ง
“นายกฯ ทักษิณยังเชื่อว่าพอเป็นรัฐบาลได้แล้วก็จะมีโอกาสฟื้นตัว ทว่าปัจจัยอื่นกลับไม่เอื้ออำนวยให้เกิดผลงานตามคำโฆษณา เห็นได้จากการแถลงผลงาน 90 วัน ที่ยังไม่มีรูปธรรมผลงานที่ชัดเจน มีแต่การแถลงผลงานที่จะขายฝันในปีหน้า ซึ่งเป็นนโยบายย่อย ไม่ใช่นโยบายใหญ่ แสดงว่าที่ผ่านมาจริงๆ ความเป็นรูปธรรมจะต้องเกิดตั้งแต่รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน แล้วมาสานต่อให้เป็นรูปธรรมได้ แต่มันยังไม่ปรากฎ นโยบายใหญ่อย่างดิจิทัลวอลเล็ตก็ไม่ยังพูดได้ไม่เต็มปาก เพราะเป็นการแจกเงินสดไปแล้ว เท่ากับเป็นการหาเสียงไม่ตรงปก” พล.ท.ภราดร ระบุ
จุดเปราะบาง "เพื่อไทย" ในปีกอนุรักษ์
สำหรับจุดเปราะของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยในชั่วโมงนี้ เกิดจากการพลิกขั้วไม่จับมือพรรคก้าวไกล มาร่วมตั้งรัฐบาลกับพรรคเครือข่ายอนุรักษนิยม ผลงานที่ประชาชนคาดหวังว่าจะมาอำนวยความยุติธรรม ปฏิรูปกองทัพ ผลักดันรัฐสวัสดิการ ก็ยังไม่มีผลงานที่เป็นรูปธรรม การพลิกขั้วมาอยู่กับปีกอนุรักษนิยม ทำให้นโยบายหลักที่ “พรรคเพื่อไทย” เคยชูธงไว้ตอนหาเสียงต้องแปรเปลี่ยนไป จากผลการได้ สส.ไม่แลนด์สไลด์ ไม่ถึง 300 เสียง
ทำให้ “พรรคเพื่อไทย”ต้องเลือกจัดทำนโยบายที่สามารถทำได้เท่านั้นกับรัฐบาลผสมสายอนุรักษนิยม
จุดแข็งที่ “พรรคเพื่อไทย” ที่ประสบผลสำเร็จจากการผลักดันนโยบายเป็นรูปธรรมในยุค “ไทยรักไทย” ไม่สามารถเข็นออกมาได้ เพราะติดขัดในการประสานผลประโยชน์ร่วมกันในหมู่พรรคร่วมรัฐบาลก่อน
พล.ท.ภราดร ยังชี้อีกปัจจัยเปราะบางของพรรคเพื่อไทยว่า นโยบายเศรษฐกิจชั่วโมงนี้ของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย กลับออกมาที่เรื่องกาสิโน ส่วนดิจิวอลเล็ตก็ถูกดิสเครดิตว่าไม่ตรงปก ยิ่งสถานการณ์โลกเปลี่ยน สหรัฐฯจะได้ โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ เรื่องนี้ไทยเคยได้เปรียบดุลการค้าจากสหรัฐฯ เมื่อ “ทรัมป์” มาแน่นอนว่า สหรัฐฯ จะซัดประเทศที่เคยเสียเปรียบดุลการค้าก่อน
พรรคร่วมขี่คอ-เสี่ยงเสียแต้มการเมือง
ในอดีต “พรรคไทยรักไทย-พลังประชาชน-เพื่อไทย” เคยกุมอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในรัฐบาล ทำให้พรรคร่วมรัฐบาลไม่สามารถต่อรองได้ง่าย แต่ปัจจุบัน พรรคเพื่อไทยกลับต้องประสานผลประโยชน์กับ“ก๊กอนุรักษ์” ให้อยู่รอดครบเทอมไปถึงปี 2570
เห็นได้จาก “พรรคภูมิใจไทย” พรรคร่วมรัฐบาล เบอร์2 มีความเห็นไม่ตรงกันกับ “พรรคเพื่อไทย” ทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ประเด็นการแก้ไข พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ
จุดนี้ทำให้ “พรรคเพื่อไทย” ถูกมองว่าเป็นพรรคการเมืองที่เสียเครดิตไปแล้วส่วนหนึ่ง เพราะผลักดันผลงานที่เคยประกาศหาเสียงไว้ยังไม่สำเร็จ
“รัฐพันลึก” ทฤษฎีอำนาจทางการเมืองในยุคที่ การเมืองไทย ยังต้องเผชิญกับวังวนศึกสามก๊ก คือการยืมมือพรรคเพื่อไทยมาจัดการพรรคก้าวไกลหรือพรรคประชาชน ที่เป็นศัตรูเบอร์หนึ่งของซีกอนุรักษนิยม แล้วรวมพลังประสานประโยชน์กับพรรคปีกอนุรักษนิยม
ถ้ายิ่งถอดรหัสคำว่า“ผมไม่หมูแล้วนะ”ของ “ทักษิณ” จนถึงชั่วโมงนี้ยังมีความเสี่ยงในทางการเมืองอยู่ เสี่ยงที่จะสูญเสียความนิยมที่ได้รับจากประชาชนในอนาคต และมีจุดเปราะบางการไม่มีหลักประกันแน่นอนว่าอำนาจพิเศษจะเลือกใช้ “พรรคเพื่อไทย” เป็นเบอร์หนึ่งไปตลอดหรือไม่