‘นายกอิ๊งค์’ แอ็กชั่น แก้เกม ควงสามีคนใต้ ลุยน้ำท่วม

3 เดือนของ แพทองธาร ชินวัตร กับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เต็มไปด้วยแรงกดดัน ความคาดหวัง เผชิญแรงเสียดทานทั้งจากภายใน ภายนอก

การสวมหัวโขนเป็นผู้นำประเทศ ภายใต้เงื่อนไขความเป็นที่สุดเรื่องอายุน้อย เลยมีอะไรให้ต้องพิสูจน์ตัวเองมากมาย

ถึงแม้จะแพทองธาร จะมี ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้เป็นพ่อคอยสนับสนุนอยู่ข้างหลัง แต่เรื่องบ้านเมือง การเมือง บางครั้งใครก็คิดและทำแทนไม่ได้

การปรับตัว เรียนรู้ ทั้งการบริหารราชการแผ่น และการบริหารการเมือง ของนายกฯ ลูกนายใหญ่ จึงต้องมากกว่าคนอื่นๆ หลายเท่าตัว

ปฏิเสธไม่ได้ว่า ผูันำทางการเมือง จะต้องเจอกับเรื่องตำหนิติติงเป็นธรรมดา นายกฯ ที่ผ่านมาหลายคน ทำดีแค่ไหน คนไม่ชอบก็ไม่ชอบอยู่วันยังค่ำ ในทางกลับกัน คนที่ชอบนายกฯ แต่ละยุคสมัยแบบสุดๆ ถึงบริหารงานไม่ได้เรื่องอย่างไร ก็มีคนที่เขาชื่นชอบ และพร้อมปกป้องเสมอ

แพทองธาร เองก็ไม่ได้รับการยกเว้น ประเด็นดราม่ามากมายถาโถมเข้าใส่ตั้งแต่มีตำแหน่ง

ความคาดหวังอย่างสูงจากประชาชน ที่อยากเห็นผู้นำในแบบที่อยากเห็น เป็นเรื่องที่กุนซือนายกฯ แต่ละคนต้องขบคิด การจะทำหรือไม่ทำอะไร ผลที่ตามมาจะบวกหรือลบ ส่งผลต่อความนิยมทางการเมือง แค่ไหนอย่างไร ล้วนต้องพิจารณาอย่างถ้วนทั่ว

การตัดสินใจที่ถูกต้อง แม่นยำ ตอบโจทย์ทุกบริบททางการเมือง บางครั้งจะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก

ดราม่า น้ำท่วมภาคใต้ ตอนล่าง เมื่อช่วงปลายเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา นายกฯกลับขึ้นเหนือประชุมครม. ที่เชียงใหม่ หลายคนเข้าใจว่าวางกำหนดการล่วงหน้ามานาน แถมมอบหมายรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ติดตามแก้ปัญหาแล้ว มีเหตุผลรับฟังได้

ทว่าคนที่ต้องการเห็นนายกฯ ลงไปร่วมทุกข์ร่วมสุขกับชาวบ้าน มันก็มีอยู่ไม่น้อย แทนที่คนกลุ่มนี้จะเห็นผู้นำลงพื้นที่ สบตาประชาชน รับรู้ถึงความเดือดร้อน กลับเห็นภาพควงสามี และลูก อวดความอบอุ่นของครอบครัว เดินช้อปปิ้ง ถ่ายภาพคู่กับดอกไม้เมืองหนาวสบายอารมณ์

ในมุมการเมือง รัฐบาลเครือข่ายของทักษิณ หรือ ตระกูลชินวัตร เหมือนเป็นของแสลงสำหรับภาคใต้ หรือมีภาคใต้เป็นของแสลงอย่างไรอย่างนั้น 

คอการเมืองน่าจะรู้ดีว่า ในสายตาคนใต้ที่มีต่อทักษิณ ขึงขัง รุนแรง เข้มข้นมากแค่ไหน ขนาดยุคไทยรักไทยฟีเวอร์ พื้นที่ด้ามขวานก็ยังเต็มไปด้วยความยากลำบาก ทำอย่างไรก็ไม่ประสบความสำเร็จในการเลือกตั้ง อย่างที่ตั้งใจ

ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลทางการเมืองหรือไม่อย่างไร ที่ทำให้เกิดข้อครหาต่อตัวผู้นำ ว่า การลงไป ก็ไม่ได้ช่วยให้ความนิยมทางการเมืองเพิ่มขึ้น เลยเลือกไม่ไป ทำเอารัฐมนตรีจากพรรคร่วมรัฐบาล หลายคน โดยเฉพาะจากพรรคที่มีฐานเสียงในภาคใต้ ต่างต้องช่วยกันอธิบายความปกป้อง นายกฯ แพทองธาร กันยกใหญ่

ล่าสุด พื้นที่ภาคใต้ตอนบน ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช เจอน้ำท่วมอย่างหนัก แพทองธาร ที่เคยชี้แจงกระแสดราม่าละเลยคนใต้ ว่า “สามีเป็นคนใต้ ครอบครัวสามีเป็นคนใต้ ถ้าละเลยคนใต้ ไม่รักคนใต้ แต่งงานกับคนใต้ไม่ได้นะคะ”

รอบนี้เลยต้องควงสามีหนุ่มเมืองคอน ลงพื้นที่รวดเดียว 2 จังหวัด เดินลุยน้ำ พบปะชาวบ้าน มอบถุงยังชีพให้ผู้ประสบภัย พร้อมประชุมติดตามสถานการณ์อุทกภัย และสั่งการช่วยเหลือผู้ประสบภัย

การมาเที่ยวนี้ของแพทองธาร อย่างน้อยก็พอจะตัดจบกระแสโจมตี ในบริบทน้ำท่วมภาคใต้ กับตัวนายกฯ ลูกเลิฟทักษิณ ว่าไม่ได้เป็นอย่างที่คนเขาว่า

พอเรื่องนี้ผ่านไป อีกหน่อยก็จะมีเรื่องอื่นเข้ามาใจวุ่นวายรำคาญใจ ไม่หยุดไม่หย่อน คนเป็นนักการเมือง หรือนายกฯ อาจจำเป็นต้องเป็นมนุษย์พันธุ์พิเศษเพื่อจะแบกรับปัญหาไม่ว่ามาในรูปแบบใด

ภาพลุยน้ำท่วมของนายกฯ แพทองธาร พร้อมสามี เหมือนทำหน้าที่ให้คนเห็นแล้วว่า ไม่เลือกปฏิบัติหรือละเลยคนภาคใดภาคหนึ่ง ตอกย้ำว่าให้ความสำคัญหรือเป็นนายกฯของคนไทยทุกคนตามที่เคยประกาศ

โดยในช่วงปลาย ม.ค.ปีหน้า แว่วๆ ว่า ครม.สัญจร มีคิวลงใต้ไปเยือนนครศรีฯ ช่วงฟื้นฟูจากวิกฤติน้ำท่วม คาดว่าคงต้องการใช้โอกาสนี้ ปิดประตูสำหรับคำครหาเลือกที่รักมักที่ชัง

 ถึงอย่างไรก็ตาม พื้นที่ภาคใต้ แม้บริบทจะเปลี่ยนแปลงไปจากหลายปีที่ผ่านมา ประชาธิปัตย์ จากเข้มแข็ง ยากจะโดนโค่น วันเวลาก็พิสูจน์แล้วว่า ไม่มีอะไรอยู่ยั้งยืนยง เมื่อความอ่อนแอมาเยือน พรรคอื่นต่างยึดฐานเสียงไปได้เกือบถ้วนหน้า

ทว่าสำหรับพรรคเพื่อไทยเอง ถึงวันนี้พื้นทึ่ด้ามขวานก็ยังเป็นสนามปราบเซียน เป็นโจทย์ที่คิดไม่ตก หรืออาจจะพูดได้หรือไม่ว่า เป็นพื้นที่นอกโฟกัสของนายใหญ่ ยกเว้น3จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่มีพันธมิตร อย่างพรรคประชาชาติ คอยตรึงพื้นที่เอาไว้ได้อยู่พอสมควร