'วิลาศ' ชง 'ป.ป.ช.' สอบ เลขาสภาฯ ปมขยายสัญญาจ้าง เอื้อเอกชนไม่เสียค่าปรับ
"วิลาศ" ส่งหนังสือถึง "ป.ป.ช." สอบ เลขาสภาฯ-ทีมงาน ปมขยายสัญญาจ้างก่อสร้างรัฐสภาใหม่ มิชอบ ส่อเอื้อเอกชน ไม่ต้องเสียค่าปรับผิดสัญญา
นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต สส. กทม. โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ค ระบุว่า ได้ส่งหนังสือถึง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ผ่านเลขาธิการ ป.ป.ช. เพื่อขอให้ตรวจสอบการทำหน้าที่ของเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรและผู้เกี่ยวข้องได้แก่ คณะกรรมการตรวจการจ้าง ผู้ควบคุมงานและที่ปรึกษาบริหารโครงการ กรณีขยายเวลาให้ผู้รับจ้างในโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ว่าเป็นกระทำการทำให้รัฐเสียหาย และชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
นายวิลาศ ระบุด้วยว่าด้วยโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ตามสัญญาเลขที่ 116/2556 ลงวันที่ 30 เม.ย. 25556 กำหนดระยะเวลาก่อสร้าง 900 วัน นับตั้งแต่วันที่ 8 มิ.ย. 2556 ถึงวันที่ 24 พ.ย. 2558 เมื่อสัญญาสิ้นสุดลงมีการขยายเวลาการก่อสร้างให้ผู้รับจ้างอีก 4 ครั้งรวม 1,864 วัน สิ้นสุดสัญญาที่ขยายวันที่ 31 ธ.ค. 2563 ภายหลังสัญญาสิ้นสุดลง สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้แสดงเจตนาไม่ขยายสัญญาอีกและมีหนังสือแจ้งเริ่มปรับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2564
"แต่เมื่อวันที่ 26 มี.ม 2563 ได้เกิดสถานการณ์การระบาดของโรคโควิค คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้หน่วยงานของรัฐปรับ 0% จากวันที่ 26 มี.ค. 2563 ถึงวันที่ 30 มิ.ย. 2565 เป็นเวลา 827 วัน ซึ่งจากหนังสือเวียนของกรมบัญชีกลาง ผู้รับจ้างจะโดนปรับ 0% จนถึงวันที่ 7 เม.ย. 2566 เป็นต้นไป ทั้งนี้พบว่าสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้แก้ไขสัญญา และมีความเห็นว่าจะเริ่มปรับตั้งแต่วันที่ 4 ก.ย.2566 เป็นต้นไป จึงขอให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบการทำหน้าที่ของเลขาธิการสภาฯ และผู้เกี่ยวข้องว่าปฏิบัติหน้าที่ชอบด้วยกฎหมายและระเบียบหรือไม่" นายวิลาศ ระบุ
นายวิลาศ ระบุต่อไปว่า สำนักงานเลขาธิการสภาฯ ได้ขยายเวลาให้ผู้รับจ้างอีก 150 วันโดยอ้างมติ ครม. เมื่อ 6 ก.ย. 2559 เห็นว่าไม่น่าชอบด้วยเหตุผล เพรราะในช่วงครม. มีมติขยายเวลาเนื่องจากการขึ้นค่าแรงตอนปี 2559 อยู่ในช่วงที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรขยายเวลาให้ผู้รับจ้างอยู่แล้ว อีกทั้งการขยายเวลาครั้งนี้ไม่ต่างจากการปรับ 0% ในช่วงมีโรคระบาดโควิด ซึ่งมีการแก้ไขสัญญาแต่การขยายเวลาเนื่องจากขึ้นค่าแรงไปอีก 150 วันกลับไม่มีการแก้ไขสัญญาแต่อย่างใด
นายวิลาศ กล่าวต่อว่าเรื่องร้องเรียนดังกล่าวถือเป็นลำดับที่ 21 ที่ขอให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ โดยเป็นการร้องเรียนตามข้อเท็จจริงและรักษาผลประโยชน์ของประเทศ.