10 โรค/ภัยสุขภาพ ต้องระวังช่วงเทศกาลปีใหม่
กรมควบคุมโรค เตือน10 โรค/ภัยสุขภาพช่วงเทศกาลปีใหม่ โควิด 19 ยังอยู่ พ่วงไข้หวัดใหญ่ ไข้เลือดออก ไอกรน อุจจาระร่วงเฉียบพลัน เฝ้าระวัง 3 โรคจากต่างประเทศ ย้ำบุหรี่ไฟฟ้าทำเกิดปอดอักเสบเฉียบพลัน ไม่พบการติดเชื้อทั้งเชื้อไวรัส เชื้อรา และเชื้อแบคทีเรีย
เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 2567 พญ.จุไร วงศ์สวัสดิ์ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ โฆษกกรมควบคุมโรค และนพ.วีรวัฒน์ มโนสุทธิ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ โฆษกกรมควบคุมโรค ร่วมกันแถลงข่าว "ก้าวเข้าสู่ปีใหม่ ปลอดโรคและภัยสุขภาพ"ว่า โรคโควิด 19 แนวโน้มผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากประเทศไทยเข้าสู่ฤดูหนาว เชื้อไวรัสแพร่กระจายได้ดี โดยตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม - 14 ธันวาคม 2567 มีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล 44,548 ราย เสียชีวิต 220 ราย ส่วนระหว่างวันที่ที่ 8 - 14 ธันวาคม 2567 พบผู้ป่วยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล 730 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต
ไข้หวัดใหญ่ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 7 ธันวาคม 2567 พบผู้ป่วย 639,108 ราย ส่วนใหญ่ยังคงเป็นกลุ่มเด็กเล็กและวัยเรียน ผู้เสียชีวิต 48 ราย เป็นกลุ่มที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง ไม่ได้รับวัคซีน และผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป ซึ่งเมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว แนวโน้มการระบาดของโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจมักเพิ่มขึ้น
เน้นย้ำให้ประชาชนตระหนักในการป้องกันการป่วย โดยดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือใช้เจลแอลกอฮอล์ เลี่ยงการนำมือมาสัมผัสจมูก ปาก ตา หากไปในสถานที่ปิดหรือแออัด ควรสวมหน้ากากอนามัย ไม่ใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น หมั่นเช็ดถู ทำความสะอาดของเล่นเด็กเป็นประจำ โดยเฉพาะหลังพบเด็กป่วย และเลี่ยงการใกล้ชิดผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ
ไข้เลือดออก ผู้ป่วยลดลงอย่างต่อเนื่อง ผู้ป่วยสะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 11 ธันวาคม 2567 จำนวน 101,581 ราย ยังคงพบผู้ป่วยสูงในภาคใต้ เนื่องจากภาคใต้ยังคงมีฝนตกและน้ำท่วม ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยนักเรียน ผู้เสียชีวิต 105 ราย เป็นกลุ่มผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป และมีโรคประจำตัว ยังคงคงเน้นย้ำการกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย พร้อมงดจ่ายยา กลุ่ม NSAIDs แก่ผู้ป่วยที่สงสัยป่วยไข้เลือดออก และแนะนำให้ทายากันยุงเพื่อไม่ให้ถูกยุงกัด
โรคไอกรน เป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ ติดต่อผ่านละอองฝ่อยที่เกิดจากการไอหรือจาม ติดง่ายในเด็กเล็กหรือผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโรค จะมีอาการคล้ายไข้หวัด ไอ ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงพบบ่อยในเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปี เช่น ไอเป็นชุดยาวจนหายใจไม่ทัน และมีเสียง "วู้ป" หลังไอ หอบเหนื่อย อาจเกิดภาวะหยุดหายใจและเสียชีวิตได้
ข้อมูลตั้งแต่ 1 มกราคม - 12 ธันวาคม 2567 พบผู้ป่วย 1,245 ราย ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นเด็กอายุน้อยกว่า 5 ปี มีประวัติได้รับวัคซีนไม่ครบ และพบผู้เสียชีวิต 2 ราย (เป็นเด็กเล็กอายุน้อยกว่า 2 เดือน)
แนะนำให้ผู้ปกครองพาบุตรหลานไปฉีดวัคซีนโรคไอกรน ซึ่งเป็นมาตรการป้องกันที่สำคัญที่สุด จะฉีดวัคซีนตั้งแต่เด็กอายุ 2, 4, 6 เดือน 1 ปี 6 เดือน และ 4 ปี จากนั้นควรให้ฉีดกระดันเมื่ออายุ 10-12 ปี และกระต่อเนื่องในวัยผู้ใหญ่ทุก 10 ปี
สถานการณ์โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน/อาหารเป็นพิษในประเทศไทย ในปี 2566 ผู้ป่วย 689,954 ราย เสียชีวิต 2 ราย ส่วนปี 2567 จำนวนผู้ป่วย 742,697 ราย เสียชีวิต 2 ราย ข้อมูลจากโปรแกรมตรวจสอบข่าวการระบาด กรมควบคุมโรค พบรายงานการระบาดเป็นกลุ่มก้อนการระบาดเพิ่มขึ้น
เฝ้าระวัง 4 โรคจากต่างประเทศ
สำหรับโรคจากต่างประเทศ ที่กรมควบคุมโรคเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ ได้แก่ ไข้หวัดนก สถานการณ์ทั่วโลก ยังพบมีรายงานเป็นระยะ โดยเฉพาะสายพันธุ์ H5N1 แต่ยังไม่พบการติดต่อจากคนสู่คน ล่าสุดพบผู้ติดเชื้อในประเทศเวียดนาม 1 ราย มีประวัติพบสัตว์ปีกป่วยตายใกล้บ้านผู้ป่วยหลายร้อยตัว ขณะนี้ผู้ป่วยยังรักษาอยู่ในโรงพยาบาล และพบผู้ป่วย 2 ราย ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา มีประวัติสัมผัสกับสัตว์ปีกที่ติดเชื้อในฟาร์ม ขณะนี้รักษาหายดีแล้ว
คำแนะนำสำหรับประชาชนรับประทานอาหารที่ปรุงสุก โดยเฉพาะสัตว์ปีก ไข่ และผลิดภัณฑ์จากโคนม หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ปีก สุกรหรือโคนมที่ป่วย หรือตาย เกษตรกรผู้เลี้ยงหากพบสัตว์ป่วยตายผิดปกติ ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ ไม่ควรนำซากสัตว์มาชำแหละประกอบอาหาร หากมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ หายใจเหนื่อยหอบ หรือตาแดงอักเสบ ควรรีบไปพบแพทย์ และแจ้งประวัติเสี่ยงให้แพทย์ทราบ
ฝีดาษวานร สถานการณ์ทั่วโลกในปี 2567 พบผู้ป่วยจำนวน 19,823 ราย เสียชีวิต 73 ราย และในทวีปแอฟริกา พบผู้ป่วย 13ฅ257 ราย เสียชีวิต 60 ราย สำหรับประเทศไทย ในปี 2567 ตั้งแต่ ต้นปี-14 ธันวาคม 2567 พบผู้ป่วย 175 ราย ส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์ Clade II ส่วนสายพันธุ์ Clade Ib ยังคงพบแค่ 1 ราย คำแนะนำสำหรับประชาชน ให้หลีกเลี่ยงแออัดหรือสัมผัสผู้มีผื่นสงสัย ไม่ใช่สิ่งของร่วมกับผู้อื่น หมั่นล้างมือ ทำความสะอาอาดจดสัมผัสร่วม เฝ้าระวัง สังเกตอาการเบื้องต้น โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเรื้อรัง หรือภูมิคุ้มกันต่ำ เด็กอาอายุต่ำกว่า 8 ปี หากมีอาการสงสัยให้รีบพบแพทย์ทันที อย่าชะล่าใจเนื่องจากมีโอกาสอาการรุนแรงและอาจเสียชีวิตได้
ไข้โอโรพุช สถานการณ์ทั่วโลก 1 มกราคม - 25 2ฤ พฤศจิกายน 2567 พบผู้ป่วย 11,664 ราย เสียชีวิต 2 ราย พาหะหลัก คือ ตัวริ้น และอาจพบได้ในยุง พบผู้ป่วยมากในทวีปอเมริกา ระยะฟักตัว 4-8 วัน ผู้ป่วยจะมีไข้เฉียบพลัน หนาวสั่น ปวดหัว ปวดกล้มเนื้อปวดข้อ ปวดกระบอกตา และผื่น มีเลือดออกที่ผิวหนัง เลือดกำเดา และตามไรฟัน ในประเทศไทยมีความเสี่ยงการะบาดค่อนข้างต่ำมาก เนื่องจากผู้ป่วยส่วนใหญ่อยู่ในทวีปอเมริกาใต้ พาหะหลักคือตัวริ้น ซึ่งไม่มีรายงานพบในประเทศไทย
คำแนะนำสำหรับผู้ที่เดินทางไปในประเทศไปที่มีการระบาด 1.สวมเสื้อแขนยาว กางเกงขายาวป้องกันไม่ให้ถูกยุงและและตัวริ้นกัด 2.ทายากันยุง หลีกเลี่ยงสถานที่ที่มียุงหรือแมลง 3.หากเดินทางกลับประเทศไทยแล้ว มีอาการป่วยไข้เฉียบพลันและมีผื่นขึ้นภายใน 7 วัน ให้รีบไปพบแพทย์ และแจ้งประวัติการเดินทาง เพื่อดำเนินการสอบสวนและควบคุมโรคต่อไป
โรคระบาดที่ไม่ทราบสาเหตุในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ข้อมูล ณ วันที่ 9 ธันวาคม 2567 พบผู้ป่วย 527 ราย เสียชีวิต 32 ราย ลักษณะทางระบาดวิทยาและอาการของผู้ป่วย คือ ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นเด็ก เพศหญิง อาการที่พบบ่อย คือ มีไข้ ไอ ร่างกายอ่อนเพลีย และเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2567 องค์การอนามัยโลกรายงานพบ 10 จาก 12 ตัวอย่าง ที่เก็บมาให้ผลบวกต่อเชื้อมาลาเรีย จำเป็นต้องมีการทดสอบเพิ่มเติมจากตัวอย่างที่เก็บมา เพื่อยืนยันตัวการก่อโรคและการวินิจฉัยโรค
กรมควบคุมโรค ให้คำแนะนำสำหรับผู้ที่เดินทางจากต่างประเทศ ยังคงต้องรักษาสุขภาพอนามัยส่วนบุคคล อย่างเคร่งครัด สวมหน้ากากอนามัยเมื่อเข้าสู่สถานที่ปิด หรือผู้คนแออัดการล้างมือบ่อยๆ ไม่ไช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น เน้นย้ำการป้องกันตนเองจากการถูกยุงหรือแมลงกัด ให้รับประทานอาหารที่สุกปรุงใหม่ พร้อมทั้งติดตามสถานการณ์โรคอย่างใกล้ชิด รวมถึง สังเกตอาการตนเอง หากมีอาการป่วยภายใน 1-3 สัปดาห์ ให้รีบไปพบแพทย์และแจ้งประวัติการป่วยหลังการเดินทาง
ปอดอักเสบเฉียบพลันจากบุหรี่ไฟฟ้า
ภาวะปอดอักเสบจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้า แนวโน้มการสูบบุหรี่ไฟฟ้าของเยาวชนไทย ตั้งแต่ปี 2558 - 2565 เพิ่มสูงขึ้น 5.3 เท่า ในปีนี้พบผู้ป่วยยืนยันจำนวน 3 ราย มีประวัติสูบบุหรี่ไฟฟ้ามาอย่างต่อเนื่อง ไม่น้อยกว่า 90 วัน ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการพบปอดมีลักษณะเป็นฝ้า ยืนยันไม่พบการติดเชื้อทั้งเชื้อไวรัส เชื้อรา และเชื้อแบคทีเรีย
ผู้ป่วยมีอาการปอดอักเสบเฉียบพลัน เช่น หายใจลำบาก ไอ เหนื่อยหอบ หรืออาการทางระบบทางเดินอาหาร เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย
ประเด็นเพิ่มเติม การรณรงค์ 7 วันอันอันตราย ช่วงเทศกาลปีใหม่ ข้อมูลของปีที่แล้วระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2566 - 4 มกราคม 2567 เกิดอุบัติเหด 2,288 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 284 ราย สาเหตุอันดับ 1 คือ ขับรถเร็ว (38.90%) รองลงมา ดื่มแล้วขับ (23.16%)
สำหรับแนวทางการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 เน้นนำมาตรการ"ขับไม่ดื่ม ดื่มไม่ขับ" โดย 1.ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง วิเคราะห์ข้อมูลสถิติและปัญหาด้านการดื่ม เพื่อระบุพื้นที่เสี่ยงและกลุ่มเสี่ยงในเขตพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อกำหนดมาดรการควบคุมเครื่องดื่มแอลกออฮอล์ในช่วงเทศกาลปีใหม่อย่างเข้มงาด
2.ประชาสัมพันธ์ร้านค้าหรือสถานประกอบการ ให้ปฏิบัติตามกฎหมายด้านการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เน้นประเด็นการขายตามเวลาที่กฎหมายกำหนดและห้ามขายให้เยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี
3.บังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำผิดทุกราย ตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ ในผู้ขับขี่ทุกรายที่เกิดอุบัติเหตุ และรายงานผลการดำเนินงานทุกวัน