กกต.ติวเข้มวิทยากรรับมือศึกเลือกตั้ง อบจ. จับตาฝ่ายการเมืองหาช่องโหว่
เลขา กกต.ติวเข้มวิทยากรเตรียมพร้อมเลือกตั้งนายก อบจ. 1 ก.พ. 68 ลั่น 3 ชั่วโมงสุดท้ายก่อนปิดหีบ ต้องทำให้ดี-เกิดความน่าเชื่อถือ อิงตามหลักกฎหมาย ปลุก ปน.อย่าท้อแม้เจอแรงต้าน ชี้มีการแข่งขันสูง ฝ่ายการเมืองหาช่องโหว่กฎหมายเอาผลประโยชน์
เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. 2567 ที่เมืองทองธานี นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นประธานในพิธีเปิดการอบรมวิทยากรจังหวัดเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายก อบจ.) และ ส.อบจ.ในปี 2568 โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า ขอให้กปน. มุ่งมั่นและหนักแน่นในการจัดการเลือก อบจ.ในครั้งนี้ เข้าใจว่าอาจจะมีความผิดพลาดบ้างซึ่งเกิดจากความเหนื่อยล้าไม่ใช่การไม่สุจริต ในการเลือกตั้งแต่ก็ทำให้คนสงสัยและตั้งสมมติฐานบนแรงจูงใจทางการเมือง
นายแสวง กล่าวว่า ที่ผ่านมามีแต่คำวิพากษ์วิจารณ์ กกต.ยกตัวอย่างในการเลือกตั้งปี 2566 กว่าครึ่งหนึ่งไม่เคยดูกฎหมาย แม้กระทั่งอาจารย์ที่ออกมานั่งสัมภาษณ์ตามสื่อ ก็มักจะพูดว่าทำไม กกต.ไม่ทำเช่นนั้นไม่ทำเช่นนี้ แต่กลับไม่ดูว่ากฎหมายเป็นแบบไหน หลายคนพูดเอาใจคนดูไม่ดูผลกระทบที่จะเกิดขึ้นตามมา และหลายคนเลยเถิดหาประโยชน์จากกติกา หาเหลี่ยมทางกฎหมาย ก็ไปว่าเขาไม่ได้ในเมื่อกฎหมายไปไม่ถึง เมื่อกฎหมายมีช่องโหว่ กฎหมายที่ต้องใช้ดุลยพินิจก็จะเป็นเช่นนั้น เพราะฉะนั้นเวลาที่พูดว่าไม่ยุติธรรม ความไม่ยุติธรรมส่วนหนึ่งก็เกิดมาจากกฎหมาย แต่ผลกระทบไปตกกับประชาชน มีหลายเรื่องที่ใครเขียนกฏหมายคนนั้นก็ได้เปรียบ แต่ในเมื่อเราเป็นคนทำงาน ฉะนั้นถ้าคิดว่ากฎหมายไม่ดี ก็แก้กฎหมายเพราะคุณเป็นคนออกกฎหมาย หรือถ้าบอกว่าตนหรือ กกต. ทำไม่ดี ก็ให้ไปฟ้อง แต่ก็ไม่มีใครฟ้องสักทีมีแต่บอกว่าไม่เป็นกลางไม่โปร่งใส นี่คือตัวอย่างซึ่งตนก็ได้ไปชี้แจงในสภา
"ขอให้เจ้าหน้าที่ กปน.อย่าหวั่นไหวกับสิ่งที่เจอ ทำอย่างไรก็จะมีแรงเสียดทานอยู่ดี เพราะคนแข่งขันมีแต่มองประโยชน์ การแข่งขันทางการเมืองเพราะคนชนะกินรวบ ถึงอย่างไรเราก็โดนเพราะฉะนั้นต้องทนให้ได้ เพียงแต่เราจะต้องทำให้ถูกกฎหมายเพราะถ้าทำถูกก็ไม่ต้องไปกังวลในเรื่องอะไรอยู่แล้ว เมื่อเรามาทำตรงนี้ซึ่งเป็นงานสำคัญของชาติ ทุกคนก็หวังว่าเราจะทำ ให้ออกมาดี ก็มีผู้หวังอยากจะได้ชัยชนะ เราจะยืนอยู่ได้ก็ด้วยการทำงานให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎหมายจะเบี้ยวอย่างไรเราก็ต้องทำตามนั้น แต่หากเราไม่ทำตามกฎหมายนั่นแปลว่าเราใช้อำนาจตามอำเภอใจ แบบนั้นเท่ากับว่าเราไม่อยู่กับร่องกับรอย ถ้ากฎหมายไม่ดีก็ไปแก้กฎหมาย อย่าโทษเรา อย่างการเลือก สว.มี 10 กว่าเรื่องกฎหมายเขียนแบบนั้น แต่ทุกคนก็มาโทษกกต. เราพยายามสื่อสารไปยังสภา เช่นเดียวกับกรณีการเลือกนายก อบจ.มีผู้ลาออกก่อนครบวาระ ใน 29 จังหวัด ทำให้เราต้องเลือกตั้ง 2 ครั้ง สิ้นเปลืองงบประมาณ ก็ไม่รู้ว่าจะแก้กฎหมายได้ทันแค่ไหน ถ้ายังไม่แก้เราก็ต้องทำงานแบบนี้เพราะเป็นสิทธิ์ของเขา" นายแสวง กล่าว
นายแสวง ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมถึงแนวทางการทำงานของ กปน. ในการจัดการเลือกตั้ง สมาชิกองค์การบริหารส่วน และนายกอบจ. โดยเฉพาะช่วงเวลา 3 ชั่วโมงสุดท้าย ว่า วิธีการเลือกตั้ง เรื่องนี้สำนักงานได้กำชับมาตลอด แต่ยังมีอยู่บ้างที่เกิดข้อผิดพลาดเรื่องนี้ กกต.จังหวัดแต่ละจังหวัดจะต้องมีหน่วยช่วยเหลืออำนวยความสะดวกในช่วงเวลานั้น แม้ กปน. จะได้รับการอบรม แต่เวลาเกิดปัญหาจริงๆ ต้องใช้เทคนิคและทักษะในการแก้ไข จึงต้องมีหน่วยใกล้ชิดในการอำนวยความสะดวกแก้ไขปัญหาให้ทันท่วงที และถูกต้อง
เมื่อถามว่า ทางฝ่ายการเมืองจับตามองจะแก้อย่างไร นายแสวง กล่าวว่า เราวางไว้เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด เพราะการเลือกอบจ. เป็นที่สนใจ การแข่งขันน่าสนใจพอ ๆ กับการเลือกตั้ง สส. ก็ว่าได้ จากทั้งพรรคการเมืองและ ฝ่ายประชาชน เราพยายามจะทำให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด ทั้งหน่วยเลือกตั้ง ทั้งการลงคะแนนหลังการปิดหน่วยรวมคะแนน นับคะแนน เพราะเราเห็นจากหลายครั้งที่เลือก อบจ. 29 จังหวัดที่ผ่านมา แม้เลือกเพียง 1 อย่าง การรายงานผลคะแนน ก็ไม่เป็นไปตามเวลาที่เรากำหนด จะล่าช้ากว่าปกติ 1-2 ชั่วโมง อาจเกิดจากพื้นที่หรือระบบที่รับข้อมูลมาพร้อมกันเยอะ ๆ เราต้องแก้ไขให้ประชาชนรู้สึกว่าเราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ