สนช.ลงพื้นที่! วอนปชช.ผ่านประชามติร่างรธน.
"พรเพชร"นำสนช.ลงพื้นที่จ.พะเยา รับฟังปัญหา เผย"อภิชาต"เผยเตรียมหั่นร่างรธน.ไม่เกิน 200 มาตรา อ้อนประชาชนผ่านประชามติ
สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)กว่า 30 คน นำโดยนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พร้อมด้วยนายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสนช.)คนที่ 2 ลงพื้นที่ตามโครงการสนช.พบปะประชาชน เพื่อหารือร่วมกับส่วนราชการต่างๆ โดยมีนายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ผู้ว่าราชการจ.พะเยา และหัวหน้าส่วนราชการต่าง ๆให้การต้อนรับ พร้อมได้สะท้อนปัญหาในพื้นที่คือการพัฒนากว๊านพะเยา เนื่องจากขณะนี้มีความตื้นเขิน เก็บกั๊กน้ำได้เพียง 10 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือไหลลงสู่แหล่งน้ำอื่น จึงต้องการทำประตูกั้นน้ำ เพื่อแก้ปัญหา เพราะขณะนี้น้ำในกว๊านพะเยา จะสามารถใช้ได้ถึงเดือนเม.ย.59 เท่านั้น นอกจากนี้ยังมีปัญหาการพัฒนาและการยกระดับจุดถาวรผ่านแดนบ้านฮวก ปัญหาการพัฒนาคมนาคม และโครงการแก้ไขปัญหาการจราจรบริเวณหน้ามหาวิทยาลัยพะเยา
ทั้งนี้ยังมีแม่น้ำ 3 สายคือนายอภิชาต สุขัคคานนท์ รองประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญคนที่ 2 เข้าร่วมรับฟังข้อคิดเห็นเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ รวมทั้งนายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ(สปท.) และนายจิรายุ นันท์ธราธร หัวหน้าผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมด้วย
นายอภิชาต กล่าวว่า ขณะนี้ได้ร่างรัฐธรรมนูญมา 2 เดือนเศษแล้ว โดยร่างไปได้ 250 มาตรา ทั้งที่ความตั้งใจเดิมจะทำให้สั้นกระทัดรัดไม่เกิน 200 มาตรา ดังนั้นทางคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญได้นัดหมายกันในวันที่ 11-18 ม.ค.ประชุมหารือกัน 7 วัน7 คืน เพื่อปรับปรุงร่างแรกให้สั้นปรับปรุงร่างให้สั้นไม่เกิน 200 มาตรา รัฐธรรมนูญใหม่จะต้องรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วนต่างๆ รวมทั้งประชาชนหากมีความเห็นหรือต้องการให้รัฐธรรมนูญเป็นอย่างไรก็สามารถเสนอความคิดเห็นไปยังกรธ.ได้ภายในเดือนม.ค.59 รัฐธรรมนูญให้ความสำคัญกับประชาชน ถือเป็นรัฐธรรมนูญของประชาชน และจะทำให้การบริหารบ้านเมืองต่อไป กรอบการร่างรัฐธรรมนูญเป็นไปตามความมุ่งหมายของคสช.และเป็นที่ยอมรับของมาตรฐานสากล เป็นไปตามประเพณีวิถีชีวิตของคนไทย และป้องกันการเมืองแสวงหาผลประโยชน์ และขจัดการทุจริตประพฤติมิชอบให้ได้ผล ทั้งนี้ร่างรัฐธรรมนูญต้องทำเสร็จภายใน 4 เดือน ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นการร่างรัฐธรรมนูญครั้งที่ 2 ก็ไม่อยากให้เกิดปัญหา จึงขอฝากพี่น้องประชาชนช่วยลงประชามติด้วย
ด้านนายคำนูณ กล่าวว่า คณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดินจำนวน 6 คณะ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และรองนายกรัฐมนตรีทั้ง 6 คนเป็นรองประธานแต่ละคณะนั้น จะนำแผนการปฏิรูปของสปท.มาพิจารณาว่า ส่วนใดที่จะดำเนินการได้อย่างไร หากเป็นเรื่องกฎหมายก็จะมีการร่างกฎหมายเพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาของสนช. แต่ถ้าเป็นเรื่องอำนาจของครม.ก็จะส่งต่อไปยังครม.ดำเนินการหรือหากจำเป็นต้องใช้มาตรา 44 ก็ต้องให้นายกฯสั่งการ ซึ่งภายในปี 60 ทั้งประชาชน ข้าราชการระดับส่วนกลางและจังหวัดต้องรับรู้ถึงแผนการปฏิรูปทั้งหมดเพื่อดำเนินการปฏิรูปประเทศก่อนที่จะมีการเลือกตั้งทั่วไป เพื่อเป็นหลักประกันว่า หลังการเลือกตั้งรัฐบาลที่เข้ามาต้องเดินตามแผนปฏิรูปประเทศเพื่อไม่ให้บ้านเมืองกลับไปสู่ความขัดแย้งเหมือนเดิม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับโครงการสนช.พบประชาชนในครั้งนี้ถือเป็นครั้งสุดท้ายในปี 2558 โดยตลอดทั้งปีสนช.ลงพื้นที่รับฟังปัญหาจากประชาชนจำนวน 11 ครั้ง โดยมีปัญหาที่เสนอต่อสนช.เพื่อให้ดำเนินการช่วยเหลือแก้ปัญหากว่า 3,000 เรื่อง ส่วนใหญ่เป็นปัญหาภัยแล้ง การคมนาคม การเปิดด่านตามแนวชายแดนที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่นายพรเพชร ร่วมลงพื้นที่ด้วย