ชี้เข้าใจผิดเหตุปะทะ 'ทหาร-พระ' มั่นใจลงเอยด้วยดี
"ประวิตร" ยันรัฐบาลรับหนังสือสงฆ์กลุ่มหนึ่ง ไม่ถือเป็นผูกมัด บอก"พระต้องรู้ว่าท่านบวชมาทำไม" เชื่อเหตุปะทะเป็นความเข้าใจผิดระหว่างทหาร-พระ
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุม ครม.แทน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งอยู่ระหว่างเข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐ สมัยพิเศษ ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 14-18 ก.พ. โดยก่อนการประชุม ครม. นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว.วัฒนธรรม นำคณะเยาวชนมารณรงค์สืบสานวิถีพุทธในวันมาฆบูชา เชิญชวนประชาชนร่วมกิจกรรมมาฆบูชา ระหว่างวันที่ 16-22 ก.พ.นี้ ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง
พล.อ.ประวิตร ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม ครม.ถึงกรณีที่เครือข่ายคณะสงฆ์และองค์กรภาคีพุทธบริษัท 4 ทั่วประเทศ นำโดยพระเมธีธรรมาจารย์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ในฐานะเลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทยยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรี โดยระบุว่าเพื่อสกัดกลุ่มบุคคลที่ออกมาจาบจ้วงคณะสงฆ์อย่างต่อเนื่องและนำไปสู่แผนล้มล้างโครงสร้างการปกครองคณะสงฆ์ว่า ต้องรอให้นายกรัฐมนตรีกลับจากภารกิจจากต่างประเทศก่อน แต่เท่าที่ได้หารือทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ส่วนข้อเรียกร้องทั้ง 5 ข้อต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เว้นข้อ 5 คือ ขอให้บรรจุพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติในรัฐธรรมนูญ เนื่องจากต้องให้คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ( กรธ.) เป็นผู้พิจารณา รัฐบาลไม่เกี่ยว
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดรัฐบาลจึงปล่อยให้การปะทะกันระหว่างพระสงฆ์กับทหารเกิดขึ้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เราได้ชี้แจงกับฝ่ายพระสงฆ์แล้ว พระท่านต้องรู้ว่าพระท่านควรต้องทำอย่างไร ตนคงไม่ต้องไปบอกเพราะท่านได้บวชเรียนมาแล้ว จะไปพูดมากก็เท่านั้น พระต้องรู้ว่าท่านบวชมาทำไม
เมื่อถามย้ำว่าทางตัวแทนฝ่ายพระสงฆ์รับปากหรือไม่ว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าวขึ้นมาอีก รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า ความจริงเรื่องนี้เป็นเรื่องของฝ่ายบริหาร และมหาเถรสมาคมต้องรู้ว่าอะไรยังเป็นความขัดแย้งกันอยู่ก็ต้องพิจารณากันไป ส่วนนายกรัฐมนตรีก็ต้องดูภาพรวมทั้งหมด “ไม่ใช่ว่าอยากโปรดเกล้าฯ ก็โปรดเกล้าฯกันเลย ก็ต้องดูให้ถี่ถ้วนก่อน ทุกอย่างมีกฎเกณฑ์ มีระเบียบอยู่แล้ว ที่มหาเถรสมาคม (มส) เสนอมติมา รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีก็ต้องพิจารณา ก่อนที่จะนำความขึ้นกราบบังคมทูล หากยังมีความขัดแย้งใครก็คงไม่กล้านำความขึ้นกราบบังคมทูล ทุกอย่างต้องสงบ หากสงบแล้วทุกอย่างก็จะเดินไปตามกติกา หากมัวแต่ทะเลาะกันทุกอย่างก็ไม่เดินตามกติกา”
ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่รัฐบาลรับข้อเสนอฝ่ายพระสงฆ์เป็นนัยยะบอกว่าจะรีบจัดการตามข้อเสนอดังกล่าว โดยเฉพาะให้รีบแต่งตั้งสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ดำรงตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวปฏิเสธว่า “ ไม่ๆ ไม่ได้ผูกมัดอะไร เรื่องนี้ต้องปล่อยให้นายกรัฐมนตรีใช้วิจารณญาณของท่านพิจารณา ไม่ต้องเจรจากับใครเพราะเดี๋ยวทันก็จบ ขอให้ทุกคนใจเย็นไม่ต้องห่วง ไม่เป็นไร เดี๋ยวรัฐบาลค่อยๆทำ สื่อไม่ต้องชี้นำหรือแนะมากนัก”
ผู้สื่อข่าวถามว่าฝ่ายความมั่นคงจะมีการปรับวิธีการทำความเข้าใจกับพระสงฆ์หลังเกิดเหตุปะทะกับฝ่ายเจ้าหน้าที่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เกิดขึ้นครั้งเดียวจะไปปรับทำไม จะให้ปรับกับพระมีที่ไหน ตนได้คุยกับฝ่ายพระสงฆ์ก็เรียบร้อยแล้ว เพราะพระสงฆ์เองก็ตั้งใจจะไปสวดมนต์ที่พุทธมณฑล ไม่ได้ตั้งใจจะไปชุมนุม ส่วนทหารเองก็ไม่มีอะไรที่ไม่เข้าใจ ทหารต้องการอย่างเดียวคือเพื่อให้เกิดความเรียบร้อย ส่วนที่เกิดความเข้าใจผิดเพราะทหารต้องการให้เข้าที่ประตูทางเดียว เพื่อป้องกันเหตุระเบิด ซึ่งพระท่านอาจไม่พกระเบิดแต่คนอื่นเราไม่รู้
ผู้สื่อข่าวถามว่ารัฐบาลกลัวหรือไม่ว่าจะมีสีเสื้อเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย พล.อ.ประวิตร กล่าวปฏิเสธว่า ไม่มี ไม่เกี่ยว เท่าที่ฟังพระท่านก็อธิบายเราก็เข้าใจเพียงแต่อยากจะให้นายกรัฐมนตรีนำความขึ้นกราบบังคมทูลเร็วขึ้น นายกรัฐมนตรีก็พิจารณาอยู่ เรื่องของลูกกลม ๆ มองได้หลายแบบ นายกรัฐมนตรีต้องดูให้ครบทุกด้าน เพราะถ้าดูไม่ครบหากผิดพลาดก็แก้ตัวไม่ได้แล้ว เรื่องนี้ตัดสินใจได้ครั้งเดียว
เมื่อถามย้ำว่าเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องของพระราชอำนาจ พล.อ.ประวิตร กล่าวยอมรับว่าใช่ เราต้องทำตามกติกา สุดท้ายก็เป็นพระราชอำนาจ
ผู้สื่อข่าวถามว่าฝ่ายพระสงฆ์โดยพระเมธีธรรมาจารย์ ระบุว่าหากรัฐบาลไม่ทำตามเรียกร้องจะกลับมาเคลื่อนไหวชุมนุมอีกครั้ง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “เท่าที่หารือไม่ได้ยิน ไม่มีข้อเรียกร้องนี้ พระท่านไม่ได้พูด ทุกอย่างต้องรอให้นายกรัฐมนตรีกลับมาก่อน ทุกอย่างต้องทำตามขั้นตอน” เมื่อถามว่ามั่นใจว่าทุกอย่างจะลงเอยด้วยดีใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ดี จะไม่ดีได้อย่างไร ดีทั้งหมดนั่นแหละ โดยส่วนตัวไม่ได้รู้สึกหนักใจอะไรเพราะตนมีสื่อเป็นพรรคพวกอยู่