เบื้องลึก 'นายกฯพบครู'!!
"นายกฯพบครู"!! ไอเลิฟ (ครู) ยู เพื่อนครูแซ่ซ้อง!! "นายกฯตู่"
“13 พฤษภาคม 2559” เป็นอีก 1 วันที่ประวัติศาสตร์การศึกษาไทยต้องจารึกและจดจำไปอีกยาวนาน เมื่อพื้นที่ ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1 อิมแพค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี คราคร่ำไปด้วยข้าราชการครูในเครื่องแบบสีกากี 25,000 คนที่ตบเท้าเข้าร่วมงาน “นายกรัฐมนตรีพบเพื่อนครู : คืนความสุขให้ครู คืนครูให้นักเรียน”
ยังไม่นับรวมข้าราชการครูในอีก 74 จังหวัดทั่วประเทศ ที่ชมการถ่ายทอดสดผ่าน ETV และระบบ TELE Conference ในส่วนภูมิภาคจังหวัดละ 1 แห่ง รวม 74 แห่ง จำนวน 250,000 คน และผู้บริหารสถานศึกษา ครูและบุคลากรทางการศึกษา รับชมทางระบบ ETV DTV และช่องทางจากจานดาวเทียมพร้อมกันทั้งประเทศ อีกจำนวน 450,000 คน รวมทั้งประเทศ 720,000 คน
ที่นั่งเฝ้าจอโทรทัศน์รอฟังการถ่ายทอดสดคำกล่าวของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ขอคุยกับเพื่อนครูทั้งแบบโดยตรง และผ่านทางโทรทัศน์เพื่อการศึกษา หรือที่รู้จักกันในนาม อีทีวี และวิดีโอคอนเฟอร์เรนท์ ตามคำเชิญชวนของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)
งานนี้ถูกจับตาตั้งแต่ยังไม่เริ่ม สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)ในฐานะแม่งานเผลอหลุดร่างกำหนดการจัดงาน ซึ่งเป็นที่วิพากษ์ วิจารณ์ว่าเอาใจนายกรัฐมนตรี จนเกินงามหรือไม่? เพราะมีการเตี๊ยมให้ครูพูดพร้อมกันว่า “นายกฯ สู้ ๆ" ซึ่งยังไม่เห็นมีใครทำ แว่วว่าคนในทำเนียบรัฐบาล เรียกคนในกระทรวงศึกษาธิการ ไปพบ ร้อนถึง“พล.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด" โฆษกรัฐบาล ออกโรงเคลียร์แทนนายกรัญมนตรี ว่าอยากแค่พบไม่ต้องเอาใจขนาดนั้น
เมื่อถึงเวลาเปิดงานช้าง..บรรยากาศก็เป็นไปอย่างคึกคัก ท่ามกลางตรวจสอบอย่างเข้มงวด ตามที่มีการแพลนไว้ โดยทันทีที่ “บิ๊กตู่” ก้าวเท้าเข้างานพร้อมยกมือทำสัญลักษณ์ “ไอเลิฟยู” โบกไปมาให้กับครู ที่ปรบมือตอบรับอย่างเกรียวกราว โดยครูบางคนก็ทำสัญลักษณ์ “ไอเลิฟยู” ตอบ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โฮชา นายกรัฐมนตรี เปิดฉากการบรรยายด้วยคำว่า “เป็นโอกาสดีที่ได้มาพบครูทุกคน ที่สำคัญอยากมาขอบคุณ ในส่วนการทำงานเข้าใจทุกคนว่าครูทุกคนเข้าใจนโยบายรัฐบาล แต่อาจจะยังไม่ชัดเจน จึงมาแนะนำนโยบายรัฐบาลให้ชัดเจนขึ้น ผมไม่เคยพบคนมากขนาดนี้ อันดับแรก ไม่ต้องปรบมือตามสัญญาณไม่มีสัญญาณ มีแต่สัญญา และไม่ต้องให้ตนสู้กับใคร ตนสู้กับตัวเอง สู้กับปัญหา ขอให้ครูคืนความสุขให้ คสช.บ้าง เรามีปัญหา และปัญหาไม่ได้มีเฉพาะเรื่องการศึกษา หวังว่าการมาพบกันครั้งนี้จะรู้จักตัวตนซึ่งกันและกัน ตนไม่ต้องการอะไรนอกจากความอบอุ่นของประเทศ ซึ่งขาดความอบอุ่นมานานแล้วขออย่ามองผมในแง่การเมือง”
งานนี้นายกรัฐมนตรีใช้เวลานานเกือบ 2 ชั่วโมงก่อน พร้อมปิดฉากสร้างเซอร์ไพร์สด้วยการชวนผู้บริหารร้องเพลง “เพราะเธอคือประเทศไทย” ก่อนะจะเดินไปเยี่ยมชมนิทรรศการประชารัฐ บ้านภาษาอังกฤษ ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ ซ่อมบ้านพักครู โดย “บิ๊กตู่” ได้ร่วมกิจกรรมในแต่ละบูธ อีกราว 1 ชั่วโมง
ขณะที่เสียงสะท้อนจากคุณครู ที่มาเข้าร่วมงาน“นายกรัฐมนตรีพบเพื่อนครู” ครูสิรินทิพย์ เกษร ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดฉาง จ.ปทุมธานี เล่าว่า ตนรู้สึกดีใจมากที่นายกรัฐมนตรี ได้มาพบเหล่าคุณครูในครั้งนี้ เพราะนอกจากนี้เป็นครั้งแรกที่ครูได้พบกับนายกรัฐมนตรีแล้ว ยังเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้ครูว่ารัฐบาลชุดนี้ได้เห็นความสำคัญของครู ได้รับฟังนโยบาย แนวทางปฎิบัติที่มอบให้ครูโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการหลายขั้นตอน ทำให้มีความชัดเจนมากขึ้นถึงแนวทางในการพัฒนาเด็ก ครู และโรงเรียน การปฎิรูปการศึกษาว่าจะทำอย่างไรให้เกิดประสิทธิภาพ และผลสัมฤทธิ์เกิดที่ตัวเด็ก ซึ่งเมื่อได้รับฟังนโยบายจากนายกรัฐมนตรี อย่าง คืนครูสู่ห้องเรียน ลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ ก่อนจะเปิดภาคเรียน ทำให้ได้แนวทางในการบริหาร จัดการเรียนการสอน กิจกรรมที่จะนำไปการปรับใช้ ประยุกต์ในการพัฒนาเด็ก ครูและโรงเรียนที่เหมาะสมกับบริบทของโรงเรียน เพื่อให้เด็ก ครู ผู้ปกครองมีความสุข
“โรงเรียนของครู เป็นโรงเรียนขนาดเล็ก สิ่งที่อยากให้นายกรัฐมนตรี และรมว.ศึกษาธิการ กระทรวงศึกษาธิการ และทางสพฐ.ช่วยนั้น คือ การพัฒนาครูคืนให้แก่เด็ก เพราะตอนนี้ต้องยอมรับว่า ภารกิจของครูมีเยอะมาก และคำสั่งไม่ได้มาจากหน่วยงานเดียว ทำให้ครูต้องแบ่งเวลาจากการสอนมาทำงานธุรการต่างๆ ขณะเดียวกันในการจัดสรรงบประมาณ ไม่ว่าจะเป็นการจัดซื้ออุปกรณ์การเรียนการสอน เช่น คอมพิวเตอร์ หรือการอุดหนุนรายหัว อยากให้เป็นไปตามขนาด และลักษณะของโรงเรียน
โดยเฉพาะโรงเรียนขนาดเล็กที่ต้องดูแลเด็กขาดโอกาส การช่วยเหลือ อุดหนุนจากรัฐต้องเป็นไปตามจริง เพื่อนำไปสู่การพัฒนาเด็ก การซื้ออุปกรณ์ที่เหมาะสมกับเด็ก ขณะที่ครู อยากให้มีการอบรมทำความเข้าใจและแนวทางปฎิบัติในแต่ละนโยบาย เพื่อครูจะได้เข้าใจบทบาทหน้าที่ของครู ไม่ใช่บอกเพียงนโยบายและให้ครูไปคิด เพราะบางเรื่องครูก็คิดไม่ทัน เนื่องจากมีหน้าที่ต้องทำอีกหลายเรื่อง อย่างไรก็ตาม การที่นายกรัฐมนตรีมาพบคุณครูในครั้งนี้ ถือเป็นสิ่งที่ดีมากทำให้ครูเกิดความตื่นตัวและเห็นถึงบทบาทหน้าที่ของตนเอง มากขึ้น”
ทุกครั้งที่มีนโยบาย คำสั่งถึงครู ผู้ทำหน้าที่สร้างคน เรือจ้างที่ต้องพายพาเด็กไปถึงฝั่ง ครูปราณี ชำนาญกิจ ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนวัดบางเดื่อ เล่าเสริมว่ารู้สึกดีใจมากที่ได้มาเจอนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นครั้งแรกที่ได้รับฟังนโยบายด้านการศึกษาจากปากของท่านจริงๆ โดยไม่ต้องรับฟังต่อๆกันมา จนบางครั้งมีคำสั่งเยอะมากจนครูทำไม่ทัน ซึ่งสิ่งที่ครูอยากให้นายกรัฐมนตรีช่วยพัฒนาระบบการศึกษานั้น คือ การพัฒนาโอกาสทางการศึกษาให้เด็กในเมืองและชนบทได้อย่างเท่าเทียมกัน เพราะตอนนี้โอกาสทางการศึกษายังไม่สามารถลดความเหลื่อมล้ำในสังคมได้ โดยเฉพาะเด็กยากจน มีหลายคนเป็นเด็กเก่งมีศักยภาพ แต่ไม่สามารถเข้าถึงการศึกษาได้ จึงอยากให้มีโครงการ หรือนโยบายที่ช่วยเหลือเด็กเหล่านี้
“นอกจากนั้น อยากให้ช่วยพัฒนาวิชาชีพครูมากกว่านี้ เพราะตอนนี้ครูรับนโยบายในทุกเรื่องมาปฎิบัติจนไม่มีเวลาพัฒนาตนเอง หรือสอนในห้องเรียน รวมถึงค่าตอบแทน เงินเดือนครูควรมีการเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากต่อให้หลายฝ่ายมองว่าครูได้รับเงินเดือนมากแล้วแต่นั่นไม่ใช่หมาย ถึงครูทุกคน ดังนั้น นโยบายในการพัฒนาการเรียนการสอน คุณภาพการศึกษาทุกเรื่องเชื่อว่าครูสามารถทำได้ แต่ก็ควรมีแนวทางให้ครูได้เรียนรู้ ทำความเข้าใจและปรับตัวด้วย”ครูปราณี ฝากถึงนายกฯ
นับเป็นการพบกันครั้งแรกของผู้นำประเทศไทย กับ“เพื่อนครู”ทั่วประเทศจำนวน 720,000 ชีวิต ที่เฝ้ารอรับชมด้วยใจจอจ่อ บางพื้นที่แต่งชุดไทย บางพื้นที่แต่งชุดสีกาสี แต่ทั้งหมดนี้เพราะครูรอคอยอย่างมีความหวัง อยากพบ อยากพูดคุย อยากฟังจากปาก“นายกฯ” หลังนายกฯใช้ม.44 ผ่าโครงสร้างกระทรวงศึกษาธิการ