อากาศร้อน..ใจอย่าร้อน

อากาศร้อน..ใจอย่าร้อน

ความร้อนของอุณหภูมิคิมหันต์ฤดูยามนี้ เมื่อผนวกกับการเร่งไฟการเมืองที่บางฝ่ายสุมขึ้นในใจคนบางส่วนเพื่อขับไล่ "กกต." ให้พ้นการทำหน้าที่กำลังเกิดขึ้น

โดยอาศัย "คนหนุ่ม-สาว" ในสังคมส่วนใหญ่ที่มีเจตนาบริสุทธิ์เป็นคนขับเคลื่อน เพราะความทะแม่งๆกับผลการเลือกตั้งที่ เจ็ดอรหันต์ กกต. ดำเนินไว้นั้น “มันทำให้สังคมคาใจ”

ยามนี้ กระแสขับไล่และถอดถอน เจ็ดเสือกกต. ให้พ้นการทำหน้าที่กำลังแพร่ขยาย โดยเฉพาะนิสิตนักศึกษาและชนชั้นกลาง แม้จะเป็นการเริ่มดำเนินการในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา แต่บางฝ่ายเชื่อว่า “มันจะจุดติด” เพราะเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์การเมืองไทยในอดีต หลายต่อหลายครั้งจะพบว่า พลังบริสุทธิ์ จะเป็นฝ่ายเริ่มขบวนและ ตกเป็นเหยื่อของเหตุการณ์จากการบงการของใครบางคนในมุมมืด

ตอนนี้ การล่ารายชื่อถอดถอนกกต. คือจุดเริ่มต้น โดยอาศัยขั้นตอนทางกฎหมายและเร็วๆนี้เชื่อเลยว่าเวทีเสวนาทางวิชาการจากสถาบันการศึกษาจะออกมาวิเคราะห์และทำนายการเมืองไทยในช่วงจากนี้ไปในมุมที่ไม่บวกนักกับกกต.

วิงวอนพลังบริสุทธิ์ที่กำลังเคลื่อนไหวว่า ขอให้สถานการณ์อยู่ในขั้นนี้ และควรดำเนินการทางขั้นตอนกฎหมายเท่านั้น ผิดถูกว่ากันตรงนั้นและเคารพในคำวินิจฉัย

อย่าก้าวไกลไปจนถึงขั้น "ลงถนนมาประท้วง” เพราะความไม่พอใจ เพราะประเทศจะบอบช้ำไปกว่าเดิม ฉะนั้นเมื่อเผือกร้อนกองอยู่ตรงหน้า...หาก กกต. ยังนอนใจแบบไปเรื่อยๆ มาเรียงๆ ปล่อยให้มันคาราคาซังแบบนี้ แนะนำคำเดียวว่า “ไม่ดี ไม่เอา”

ฉะนั้นอะไรที่ กกต. พอจะเคลียร์ใจ กับสังคมได้ก็ควรเร่งดำเนินการเพื่อเรียกศรัทธาคืนกลับมา หากยังปล่อยไปแบบนี้ระวังจะมีมุมสะท้อนกลับ

เพราะใครบางคนที่คิดอีกมุมกำลังแสวงหากลวิธีให้การหย่อนบัตรเลือกผู้แทนฯครั้งนี้ ”โมฆะ” โดยอาศัยพลังบริสุทธิ์ของสังคมมาเป็นตัวขับเคลื่อนเกม แม้ตอนนี้จะไม่เปิดการรุกเต็มสูบ แต่จะทยอยๆเร่งอัตราความร้อนไปเรื่อยๆ และหวังให้มันมีผลเต็มร้อยในอนาคตอันใกล้ โดยอาศัยผลการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นตัวจุดประกาย

เนื่องจากผลการเลือกตั้งครั้งนี้มันยัง ”อิหลักอิเหลื่อ” ไม่มีใครกล้าบอกว่าขั้วตัวเองชนะขาด...เพราะแว่วว่าเร็วๆนี้จะมีการแจกใบสารพัดสีที่มีการเก็งข้อสอบกันแล้วว่า โดนกันทั่วหน้าทุกพรรคและแทบทุกตารางนิ้วในแผ่นดิน

มีการเพ่งเล็งว่า “ขั้วต้านลุงตู่” น่าจะรับแจ็กพอตจากใบสารพัดสีมากกว่า “ขั้วหนุนลุงตู่”

ยิ่งเป็นแบบนี้คนที่คิดมุมกลับน่าจะยิ้มน้อยๆในใจว่า “รูปเกมเข้าล็อก” เพราะมีหมากสองทางให้เลือกเดิน โดยหมากเกมแรกนั้นหากมีใบสารพัดสีผลิออกมาและขั้วต้านลุงตู่โดนมากกว่าขั้วหนุนลุงตู่ไม่ว่าจะมาจากเหตุผลใด

การใช้พลังบริสุทธิ์เขย่า กกต. ยิ่งมีผล และหากเลือกตั้งซ่อมมีจริงในหลายเขต การโอนย้ายถ่ายเทคะแนนของขั้วต้านลุงตู่จะง่ายขึ้น ผนวกกับคะแนนกลางของสังคมที่มองความไม่ชัดเจนของ กกต. น่าจะเทมามุมนี้
หมากขั้นต่อมาของฝ่ายค้านผลการเลือกตั้งครั้งนี้ย่อมมองออกว่า หากมี “การเลือกตั้งใหม่ทั้งประเทศ” จริง ขั้วต้านลุงตู่คงจะประเมินแล้วว่า ”เข้าวินแบบขาดลอยกว่าเดิม”

เพราะเมื่อมองสถานการณ์เบื้องต้นที่เป็นจริงในยามนี้ ระหว่างขั้วไม่เอาลุงตู่กับขั้วหนุนลุงตู่นั้น ยามนี้ขั้วหนุนลุงตู่ยังตามหลังขั้วต้านลุงตู่อยู่แบบพอตัว แต่ ขั้วต้านลุงตู่ ก็มิอาจนอนใจเพราะแต้มที่มีในมือยังปริ่มน้ำ หากไม่มีสามร้อยเสียงส.ส.ไว้ในสต็อกก็ยากที่จะอ้างความชอบธรรมขึ้นเป็นแกนนำจักตั้งรัฐบาลตามกติกาปัจจุบันที่วางไว้

แม้ตอนนี้ขั้วต้านลุงตู่จะอ้างว่ามีเสียงข้างมากในสภาล่าง ถามคำเดียวขั้วต้านลุงตู่หากไม่มีส.ส.ในระดับสามร้อยเสียงขึ้นไป จะมีแรงกดดันในด่านสองร้อยห้าสิบส.ว.ที่หลายคนมองว่าอยู่ ขั้วหนุนลุงตู่ ให้เปลี่ยนใจมายกมือหนุนได้หรือ...

ฉะนั้นคีย์แมนของ ขั้วต้านลุงตู่ วางหมากไว้แล้วว่า เมื่อเกมมันยังไม่ทราบผลแพ้ชนะเช่นนี้ การยุให้มีการล้มกระดานและเริ่มเกมใหม่น่าจะสะดวกโยธินมากกว่า โดยกกต.ชุดปัจจุบันต้องรับผลกรรมที่เกิดขึ้น โดยให้เหตุผลแบบคนมองโลกแง่ดีว่า หากเปลี่ยนกกต.ชุดนี้ออกจากการทำหน้าที่ ความเชื่อมั่นจากสังคมและนานาชาติจะกลับมา

เกมนี้พันลึกและเดิมพันในราคาที่ขั้วใดแพ้เก็บของกลับบ้านพักผ่อนยาวๆไป