ปธ.กสม.โต้ทันควัน หลัง “อังคณา-เตือนใจ” ลาออก มั่นใจผลงานดี เป็นที่ยอมรับระดับโลก พร้อมส่งหนังสือด่วนถึงปธ.ศาลฎีกา-ปธ.ศาลปกครองเลือก กสม.ชั่วคราวทำหน้าที่แทน เหตุองค์ประชุมไม่ครบ เหน็บแรง 2กสม.บรรลุวัตถุประสงค์ เซ็ตซีโร่องค์กรตัวเอง
เมื่อวันที่ 31 ก.ค.62 นายวัส ติงสมิตร ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชน (กสม.) แถลงข่าวหลังนางอังคณา นีละไพจิตร และนางเตือนใจ ดีเทศน์ ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นกสม. ว่า ได้รับหนังสือลาออกจากทั้ง 2 คนในช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยในวันนี้ตนจะทำหนังสือด่วนที่สุด ถึงประธานศาลฎีกาและประธานศาลปกครองเพื่อให้ทำการคัดเลือกกสม.ขึ้นมาทำหน้าที่ชั่วคราวระหว่างรอการสรรหากสม.ชุดใหม่ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ กสม.ชุดปัจจุบันเข้าปฏิบัติงานเมื่อเดือนพ.ย. 58ทำงานมา 3 ปีเศษ เรื่องร้องเรียนที่ค้างอยู่ 90% ถูกดำเนินการจนแล้วเสร็จไปถึง 81% เหลือค้างไม่ถึง 20 % โดยเรื่องที่เหลืออยู่ในกระบวนการกลั่นกรอง
“ช่วงที่มีกสม.เหลืออยู่ 5 คน เราทำงานด้วยดีมาตลอด กรณีความเห็นไม่ตรงกันก็ใช้วิธีการลงมติเพื่อหาข้อยุติ ซึ่งรายงานการตรวจสอบที่ออกไปก็มีคุณภาพ มีชื่อเสียงไปทั่วโลก ที่ประเทศต่างๆ ชูประเทศไทยเป็นตัวอย่างโดยเฉพาะการที่จะมาดูงานด้านสิทธิมนุษยชน เช่น เนปาล ยอมรับว่าเสียดายกับสิ่งที่เกิดขึ้น การทำงานมีความเห็นแตกต่างกันได้ แต่ผลงานจะเป็นที่ยืนยัน ซึ่งรายงานที่กสม.ออกไปมีข้อโต้แย้งน้อยมาก” นายวัส กล่าว
ประธานกสม. ยังกล่าวอีกว่า หลัง กสม. 2 คน ลาออกทำให้เหลือ กสม.เพียง 3 คน องค์ประชุมเหลือไม่ถึงกึ่งหนึ่ง ในแง่ขององค์กรไม่สามารถประชุมเพื่อออกรายงานของกสม.ได้ แต่ทั้ง 3 คนก็จะยังคงทำหน้าที่ต่อไป โดยกสม.ที่ลาออกไปรวม 4 คน ไม่เกิดปัญหาในการทำงานแต่เป็นปัญหาเฉพาะตัว อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาในชั้นการพิจารณา ร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยกสม. 2560 มี กสม. 2 คน เห็นด้วยกับประเด็นการเซ็ตซีโร่กสม.ชุดนี้ ขณะที่อีก 4 คน ไม่เห็นด้วย ฉะนั้นกสม.ที่เห็นด้วยกับการเซ็ตโร่ ก็ต้องถือว่า บรรลุวัตถุประสงค์และคิดว่าจะไม่เอาองค์กรตัวเองไว้แล้ว จึงไม่แน่ใจว่าการลาออกของ 2 กสม.ที่สุดเป็นการสานต่อปณิธานของเขาหรือไม่
ส่วนที่มีการอ้างว่ากสม.วางแนวปฏิบัติในเรื่องการให้ข่าวเคร่งครัดนั้น นายวัส ยืนยันว่า ตนไม่มีอำนาจจะไปห้ามเป็นการส่วนตัว แต่การให้ข่าวขององค์กรกลุ่มต้องมีมาตรฐานและระเบียบ ซึ่งที่ผ่านมากสม.ออกแนวปฏิบัติในการให้ข่าวโดยกำหนดว่าถ้าเป็นเรื่องสำคัญก็ให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการหรือคนที่ได้รับมอบหมาย ส่วนที่เป็นเรื่องอำนาจหน้าที่ของกสม.แต่ละคนก็สามารถให้ข่าวได้ แต่การให้ข่าวเรื่องที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบและข้อเท็จจริงยังไม่ได้สรุปนั้น สมควรต้องหลีกเลี่ยง
ด้านนางประกายรัตน์ ต้นธีรวงศ์ กสม. กล่าวว่า ตนได้พบกับ หนึ่งในกสม.ทื่ยื่นลาออกไป และได้พยายามยับยั้งขอให้ทำหน้าที่ต่อไป ทั้งนี้ส่วนตัวจะไม่ลาออก จะอดทนทำหน้าที่ เพราะถือว่าอาสาเข้ามาทำหน้าที่นี้แล้วก็ต้องเดินหน้าสานต่อและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของประชาชนต่อไป เชื่อว่าหลายคนที่ทราบข่าวการลาออกคงรู้สึกตกใจไม่หน่อยแต่ก็ต้องเคารพการตัดสินใจของทั้งสองคน ทั้งนี้เข้าใจว่าทั้งสองคนคุ้นเคยกับการทำงานแบบองค์กรเดี่ยว แต่เมื่อมาทำงานแบบองค์กรกลุ่มอาจจะอึดอัด
“เราควรต้องอยู่เพื่อคุ้มครองสิทธิมนุษยชนตามหน้าที่อำนาจ ดิฉันกับท่านประธานจะอยู่ทำงาน ถึงเราจะอยู่กับ 3 คนก็ยังสามารถดูแลสิทธิมนุษยชนของประชาชน แม้จะมีข้อจำกัดในบางเรื่องก็หวังว่าทางออกที่รัฐธรรมนูญเขียนไว้ในบทเฉพาะกาลจะทำให้เราได้กสม.ชั่วคราวเข้ามาช่วยทำงานเพื่อช่วยออกรายงานการประชุมในการเสนอต่อคณะรัฐมนตรีได้ “ นายประกายรัตน์ กล่าว