ปมถวายสัตย์ 'ฝ่ายค้าน' หมดสิทธิ์อภิปราย

นำครม.เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ไม่ครบถ้วนด้วยถ้อยคำตามมาตรา 161 ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ในช่วงแถลงนโยบายต่อรัฐสภาของรัฐบาล “7พรรคฝ่ายค้าน” ใช้ทุกกลยุทธ์ลาก พล.อ.ประยุทธ์ เข้ามาเชือดในสภา

โดยยื่นญัตติตั้งกระทู้ถามสด แต่ พล.อ.ประยุทธ์ เซย์โน อ้างติดภารกิจอื่น ครั้งแรก 7 ส.ค. ลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ครั้งที่สอง 14 ส.ค. ร่วมทำกิจกรรมจิตอาสาช่วยเหลือผู้พิการทางสายตา ที่มูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ทำ “7พรรคฝ่ายค้าน” ซดแห้วไปสองรอบ

แต่ความพยายามของ “7พรรคฝ่ายค้าน” ยังไม่จบสิ้น พลิกเกมกางกฎหมายใช้ “214 ส.ส.” เข้าชื่อยื่นต่อ ชวน หลีกภัยประธานสภาผู้แทนราษฎร เสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริง โดยไม่ลงมติ

เผือกร้อนโยนให้ ศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯ คนที่ 2 ในฐานะรับผิดชอบเรื่องกระทู้และญัตติตรวจสอบความถูกต้องของญัตติดังกล่าว ตามหลักแบ่งกันเล่นแยกกันเดินรวมกันตีของ “ประธานสภา-รองประธานสภา”

“7พรรคฝ่ายค้าน” คำนวณเวลายื่นญัตติดังกล่าว เพื่อขอเปิดอภิปรายภายในเดือน ส.ค. เพราะรู้เกมของ ขั้วรัฐบาล ที่ต้องดึงจังหวะช่วย พล.อ.ประยุทธ์ โดยคาดการณ์ว่าหากเสร็จสิ้นกระบวนการของ ผู้ตรวจการแผ่นดิน 27 ส.ค.นี้ ก็จะส่งต่อให้ ศาลรัฐธรรมนูญ ทันที ไทม์มิ่งก่อนส่ง ศาลรัฐธรรมนูญ จึงเป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุด

แต่กลับโดนลูกเขี้ยวลากดิน สั่งงดการประชุมสภาฯในวันที่ 28-29 ส.ค.เนื่องจากติดการประชุมสมัชชารัฐสภาอาเซียน แถม ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กางไทม์มิ่งเปิดอภิปรายช่วงต้นเดือน ก.ย. ซึ่งคาดการณ์กันว่า ศาลรัฐธรรมนูญ อาจจะรับเรื่องเอาไว้แล้ว ปิดประตูห้ามไม่ให้ ส.ส.ฝ่ายค้าน จ้อในสภา

ทำให้ “7พรรคฝ่ายค้าน” ต้องแก้เกมด้วยการอภิปรายกรณีแถลงนโยบายรัฐบาล โดยที่รัฐบาลไม่ระบุตัวเลขการใช้งบประมาณที่ชัดเจนเอาไว้ ขยี้ปมการบริหารงานของรัฐบาล หาประเด็นมายั่วยุ พล.อ.ประยุทธ์ แทน

ถึงนาทีนี้ “7พรรคฝ่ายค้าน” คงคิดว่าไม่คุ้ม ที่ต้องเสียโอกาสยื่นญัตติตามมาตรา 152 ที่ 1 ปีใช้ได้เพียงครั้งเดียว