อธิบดีดีเอสไอ ย้ำรอหลักฐานครบก่อนออกหมายจับคดีบิลลี่ งดตอบโต้ "ชัยวัฒน์" เผยส่งเจ้าหน้าที่แฝงตัวเป็นนักท่องเที่ยว-ชาวบ้านเข้าพื้นที่อุทยานฯ เก็บรวบรวมพยานหลักฐานหลายครั้ง คาดใช้เวลา 2-3 เดือน สรุปสำนวนคดี
พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงความคืบหน้าคดีฆาตกรรมนายพอละจี รักจงเจริญ หรือกะเหรี่ยงบิลลี่ ว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้พื้นที่เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง และคดีนี้ในชั้นสืบสวนดีเอสไอได้เก็บรวบรวบพยานหลักฐานมาตั้งแต่หลังเกิดเหตุใหม่ๆ แต่อาจไม่ได้เป็นข่าว รวมทั้งรวบรวมพยานหลักฐานที่มีอยู่ในคดีเดิมที่อยู่ในความรับผิดชอบของตำรวจ เพื่อดูความเชื่อมโยงว่าส่วนใดบ้างที่ขาดหายไป ส่วนพยานหลักฐานบุคคลมีอยู่บางส่วนแล้ว และกำลังพยายามหาเพิ่มเติม หากใครมีข้อมูลเบาะแสสามารถแจ้งมาได้ที่สายด่วนดีเอสไอ 1202 โดยเจ้าหน้าที่จะปกปิดตัวพยานไว้เป็นความลับ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของคดีมีรายละเอียดเพิ่มขึ้นในทุกส่วนๆ แต่ดีเอสไอไม่ได้แถลงสังคมให้รับทราบ เนื่องจากเป็นรายละเอียดในสำนวนคดี
เมื่อถามว่า เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ระบุว่า ที่ผ่านมาในพื้นที่ไม่เคยพบว่ามีเจ้าหน้าดีเอสไอลงพื้นที่เก็บหลักฐานในคดีเลย อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ดีเอสไอส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปแฝงตัวเก็บหลักฐานในหลายรูปแบบ บางครั้งเข้าไปในลักษณะนักท่องเที่ยว บางครั้งก็เข้าไปในลักษณะของชาวบ้านในพื้นที่ โดยเป็นการเข้าพื้นที่อย่างต่อเนื่องเพื่อเก็บข้อมูลและนำข้อมูลที่ได้มาเชื่อมโยงกับหลักฐานที่มีอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 จ.อุบลราชธานี ออกมาระบุว่าจุดที่พบถังน้ำมันและชิ้นส่วนกระดูกบิลลี่ไม่ใช่พื้นที่ปิด แต่เป็นพื้นที่ที่นักท่องเที่ยวทั่วไปสามารถเข้าไปได้ และการให้ข่าวของดีเอสไอกระทบต่อภาพลักษณ์ขององค์กร พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวว่า ตนไม่ขอตอบโต้ในเรื่องนี้ ดีเอสไอทำคดีไปตามพยานหลักฐานที่จะปรากฏในคดี เพราะการทำคดีของดีเอสไออยู่ในรูปแบบของคณะกรรมการ มีอัยการ ตำรวจ และสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เข้าร่วมการสอบสวน จึงต้องพิสูจน์กันตามพยานหลักฐานและมีผลพิสูจน์ทางดีเอ็นเอที่ชัดเจน หากการทำงานในขั้นตอนใดไม่ถูกต้องคงไม่สามารถเสนอขอความเห็นต่อคณะพนักงานสอบสวนที่มีหลายฝ่ายเข้าร่วมได้ โดยหลักการในการทำคดีต่างๆ มีพยาน 3 ส่วนคือ พยานเอกสาร พยานบุคคลและพยานวัตถุที่จะนำไปสู่การระบุตัวผู้กระทำผิด ซึ่งทุกตอนขั้นตอนการทำงานของดีเอสไอ ตรวจสอบได้
คดีนี้ดีเอสไอมีพยานหลักฐานมากพออยู่แล้ว แต่เรายังต้องการให้มีความรอบคอบเพิ่มขึ้น ซึ่งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมก็สั่งการให้ทำเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา รวดเร็ว และให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ขณะที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ก็ขอเวลาอีก 1 เดือน ในการตรวจพิสูจน์ชิ้นส่วนกระดูกที่เหลืออยู่ คาดว่าจะสรุปสำนวนการสอบสวนได้ภายใน 2-3 เดือน ยืนยันได้ว่าในระหว่างที่พยานหลักฐานยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ ดีเอสไอจะยังไม่มีการออกหมายจับผู้ต้องหาในคดี อธิบดีดีเอสไอกล่าว