ขยายผล‘ปารีณา’ปมรุกป่า

ขยายผล‘ปารีณา’ปมรุกป่า

คณะทำงาน 3 ฝ่าย ลุยสอบฟาร์มไก่ “ปารีณา” เตรียมขยายผลอีก600ไร่รุกที่ป่าสงวน ขณะที่“ธรรมนัส” ขีดเส้น180วันสางปัญหานายทุนรุกที่สปก.กระบี่-ยึดคืนที่ดินทำกินให้เกษตรกร ขู่ทำไม่ได้ย้ายสปก.จังหวัด

ความคืบหน้าการตรวจสอบการถือครองครองที่ดินรวมกว่า 1,700 ไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ฟาร์มไก่ของน.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) วานนี้(24พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  ที่สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 10 ( ราชบุรี ) นายธวัชชัย ลัดกรูด ผู้ตรวจราชการกรมป่าไม้ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง3ฝ่าย ได้ร่วมกันประชุมวางแนวทางในการเข้าตรวจสอบ พื้นที่ที่สร้างฟาร์มไก่ของ น.ส.ปารีณา ที่ตั้งอยู่ ม.6 ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุซึ่งในเบื้องต้น พบว่า บริเวณ รอบเขาสนฟาร์ม มีเนื้อที่ ประมาณ 600 ไร่ อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี นอกนั้นอยู่ในเขตส.ป.ก. 

ทั้งนี้ทางกรมป่าไม้จึงได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เข้าทำการตรวจสอบ แปลงที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขตป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งหากพบว่ามีการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติก็จะดำเนินคดีในข้อหาบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนทันที โดยทางกรมป่าไม้จะใช้ พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 และ พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 ซึ่งในช่วงเช้าวั้นเดียวกัน ทางสำนักงานป่าไม้จังหวัดราชบุรี ได้นำหนังสือไปส่งยังบ้านพักของ น.ส.ปารีณา ในพื้นที่ ต.บางโตนด อ.โพธาราม จ.ราชบุรี เพื่อขอความร่วมมือไปนำชี้แปลงที่ดินทั้งหมด แต่ไม่พบใครในบ้าน เจ้าหน้าที่จึงนำเอกสารปิดไว้หน้าบ้าน

อย่างไรก็ดีหลังจากเจ้าหน้าที่ด้านกฎหมายดำเนินการขอหมายศาลเพื่อทำการเข้าพื้นที่ของ น.ส.ปารีณาในการตรวจรังวัดที่ดินทั้งหมดจะทำให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องแม่นยำสามารถระบุได้ว่าพื้นที่ดังกล่าวมีการบุกรุก หรือครอบครองโดยถูกต้องหรือไม่จากนั้นจึงจะพิจารณาถึงกระบวนการดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ด้านนายอรรถพล เจริญชันษา​ อธิบดีกรมป่าไม้​ เปิดเผยว่า หลังจากที่เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ได้มีการประชุมร่วมกับ​ ส.ป.ก.​ โดยนำแผนที่ปี 2521, 2527 และแผนที่ส.ป.ก.ปี 2554 มาเทียบกันเพื่อ ดูแนวเขตดั้งเดิม หลังจากนั้นช่วงบ่ายจึงขอหมายศาลเข้าไปเดินรังวัดในที่พื้นที่ ซึ่งในเบื้องต้นพบว่าบริเวณรอบฟาร์มไก่​เขาสนฟาร์ม มีเนื้อที่ประมาณกว่า 46 ไร่ อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ​ ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี นอกนั้นอยู่ใน เขต ส.ป.ก. หากพบว่ามีการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ​ ก็จะดำเนินคดีในข้อหาบุกรุกพื้นที่ป่าสงวน อาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.ป่าไม้​ พ.ศ.2484 และ พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507

ยืนยันว่าไม่มีแรงกดดัน ในการตรวจสอบกรณีดังกล่าว​แม้จะเป็นส.ส.ดัง ซึ่งต้องดำเนินการให้เป็นมาตรฐานเดียวกันในการดำเนินคดีผู้บุกรุกป่า หลังจากนี้ก็จะรวบรวมหลักฐานส่งให้พนักงานสอบสวน​ ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป​ ซึ่งจะถึงขั้นต้องรื้อฟาร์มไก่ที่ลุกล้ำเข้าไปในเขตป่าสงวน หรือไม่อย่างไร ยังไม่ขอตอบในช่วงเวลานี้

สำหรับโทษในคดีบุกรุกป่าสงวนตาม​ พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ​ มีโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 20 ปีและ/หรือปรับไม่เกิน 2 ล้านบาท

ขณะที่นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน นำเอกสารเกี่ยวกับที่ดินนางสาวปารีณา มอบให้กับตำรวจ สภ.จอมบึง จ.ราชบุรี พร้อมระบุว่าตนมีข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการครอบครองที่ดินรวมกว่า 1,700 ไร่ ของน.ส.ปารีณา เบื้องต้นทราบว่าได้ขออนุญาตประกอบกิจการทำฟาร์มเลี้ยงไก่มาตั้งแต่ปี 2547 ซึ่งไม่สอดคล้องกับข้อมูลที่บิดาน.ส.ปารีณาไปให้ข้อมูลกับสภา และหลังจากมอบข้อมูลให้พนักงานสอบสวนแล้วจะลงไปสำรวจที่ดินร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการรังวัดที่ต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกันได้มีชาวบ้านนำป้ายเขียนข้อความระบายถึงนักการเมืองเข้าครอบครองพื้นที่ป่าสงวนและที่ดิน ส.ป.ก.อย่างมาติดตั้งอยู่ที่บริเวณริมถนนวิ่งเข้าสู่ฟาร์มไก่ของ น.ส.ปารีณา ก่อนที่จะมีผู้นำป้ายออกไปจากบริเวรดังกล่าว

เช่นเดียวกับป้ายประกาศของสำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัดราชบุรี ที่ระบุว่า ที่ดินแปลงนี้เป็นกรรมสิทธิ์ของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ได้ถูกรื้อหายออกไปด้วย

 อ่านข่าว-'ปารีณา' ร้องสื่อ 'ชวน' เรื่องเยอะ-เลือกปฏิบัติ ปมร้อง

สั่งเอาผิดนายทุนรุกสปก.กระบี่

ขณะที่ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย พ.ต.ท.หม่อมหลวงกิติบดี ประวิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ และคณะลงพื้นที่ตรวจราชการและตรวจเยี่ยม พร้อมรับฟังปัญหาของประชาชนในพื้นที่ อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ โดยมีประชาชนและเกษตรกรจำนวนมากเดินทางมาร้องเรียน ขอให้ทางกระทรวงเกษตรฯเร่งรัดแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินให้กับเกษตรกร

โดยร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้มีการสั่งการให้นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการส.ป.ก.มีคำสั่งไปยัง ส.ป.ก.กระบี่ เพื่อให้นายทุนที่ครอบครองที่ดิน ส.ป.ก.ทำสวนปาล์มน้ำมันระงับการเก็บเกี่ยวผลผลิตในที่ดินทันที พร้อมกับส่งทีมกฎหมายจากส่วนกลาง ลงพื้นที่ร่วมบูรณาการกับผู้ว่าราชการจังหวัด ฝ่ายความมั่นคง ปฏิบัติการเร่งรัดเข้าฟ้องขับไล่ยึดคืนพื้นที่ทั้งหมดกว่า 1 หมื่นไร่ นำมาจัดสรรให้เกษตรกร และผู้ยากไร้ ที่เป็นคนในพื้นที่จริงๆ ตามนโยบายคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ(คทช.) ไม่ใช่นอมินีของบริษัท เพราะที่ผ่านมานายทุนได้ให้นอมินีที่เป็นชาวบ้านจากพื้นที่อื่นเข้าไปอยู่อาศัยในพื้นที่สวนปาล์ม โดยนายทุนยังมีการเก็บเกี่ยวผลผลิตปาล์มออกจำหน่าย เมื่อเจ้าหน้าที่จะเข้าไปจัดสรรพื้นที่ ไม่สามารถเข้าไปดำเนินการได้ เนื่องจากได้รับการต่อต้านจากกลุ่มนายทุนและชาวบ้านที่เป็นนอมินี

ทั้งนี้ตนได้ทำความเข้าใจกับเกษตรกรในพื้นที่ที่เดินทางมาร้องเรียนในปัญหาที่ดินทำกินในพื้นที่ โดยแจ้งว่าที่ผ่านมาทางกระทรวงเกษตรฯ มีความพยายามจะเร่งรัดในการจัดการปัญหาการถือครองที่ดินส.ป.ก.ผิดกฎหมาย ให้เร็วที่สุด โดยขวนการจัดสรรทิ่ดินให้กับเกษตรกรนั้น นอกจากการจัดสรรที่ดินทำกินให้แล้วยังจะมีการบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อให้การช่วยเหลือเกษตรกรผู้ยากไร้ที่ยังขาดแคลนที่พักอาศัย 

ขีดเส้น180วัน-ขู่ย้ายสปก.จว

ซึ่งเบื้องต้นได้ประสานงานกับทาง กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงคงของมนุษย์ เพื่อสร้างที่พักอาศัย ให้กับเกษตรกรผู้อยากไร้ ให้มีที่พักพิง และวางระบบสาธารณูปโภค รวมทั้งส่งเสริมการผลิตสินค้าเกษตรเพื่อให้เกษตรกร สามารถ ทำการเกษตรอย่างยั่งยืนมากขึ้น อย่างไรก็ตามในส่วนพื้นที่สวนปาล์มที่เป็นพื้นที่ส.ป.ก.หากมีเกษตรกรรายใดที่เข้าไปครอบครอบโดยผิดกฏหมาย เข้าไปยึดครองหลังจากที่บริษัทสหอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม หมดสัญญาสัมปทาน ขอให้ออกจากพื้นที่ทั้งหมด เพื่อเข้าสู่ขบวนการจัดสรรตามกฎหมาย 

โดเกษตรกรสามารถแจ้งความประสงค์ต่อเจ้าหน้าที่โดยให้เป็นไปตามขั้นตอนการพิจารณาของทาง ส.ป.ก.อย่างเคร่งครัด โดยผู้ที่จะได้รับการพิจารณาจัดสรรที่ดินทำกินจะต้องเป็นเกษตรกรที่ขาดแคลนที่ดินทำกินและมีคุณสมบัติเป็นเกษตรจริงเท่านั้น

“สวนปาล์มที่มีอยู่ผมมีความจำเป็นยึดคืนก่อน และขอให้พี่น้องเกษตรกรทุกคนที่ไร้ที่ดินทำกินยากจน ไปขึ้นทะเบียนกับจังหวัด เมื่อขึ้นทะเบียนแล้วเข้าสู่ระบบจัดสรรเข้าสู่กระบวนกระจายสิทธิ ผมรับปากพี่น้องว่าภายใน180วันถ้าไม่สามารถจัดสรรที่ดินทำกินให้กับพี่น้องเกษตรกรได้อย่างอย่างชัดเจนตามข้อกำหนดมีระยะเวลาไว้ ผมจะย้ายส.ป.ก.จังหวัดทันที” ร.อ.ธรรมนัส กล่าว