ผบ.ทอ. โต้อย่าเทียบ กรณี 'ทักษิณ' ส่งเครื่องบินรับคนไทยในเขมรกลับ
"พล.อ.อ.มานัต" โต้อย่าเทียบ กรณี "ทักษิณ" ส่งเครื่องบินรับคนไทยในเขมรกลับ ชี้ขึ้นอยู่กับเหตุผลประเทศปลายทาง
เมื่อวันที่ 30 ม.ค.63 พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ ชี้แจงกรณี นางสาวแพรทองธาร ชินวัตร บุตรสาวอดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ภาพข่าวบิดา สมัยที่เป็นนายกฯ บนเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่าได้สั่งการให้ทางการไทยเตรียมเครื่องบินไปรับคนไทยกลับบ้านอย่างเร่งด่วน หลังเกิดเหตุชาวกัมพูชาบุกเผาสถานทูตไทยในกัมพูชา จนถูกโยงมาถึงกรณีที่รัฐบาลยังไม่สามารถส่งเครื่องบินไปรับคนไทยในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ได้ในขณะนี้
โดยยืนยันว่า เครื่องบินทหารของไทย สามารถไปได้ทุกที่ แต่อยู่ที่ประเทศเจ้าภาพจะมีความระมัดระวัง และอนุญาตให้เครื่องบินทหารของชาติอื่น เข้าไปลงในพื้นที่ได้หรือไม่สำหรับแผนในการอพยพประชาชนกลับไทย ที่กองทัพอากาศได้วางไว้ ก็สามารถที่จะส่งไปได้ แต่ต้องมีข้อตกลงว่าปลายทางยินดีอนุมัติให้เข้าไปได้หรือไม่ ซึ่งรอบๆบ้าน หรือต่างประเทศที่ไทยเคยส่งไป ก็ไปได้ทุกประเทศ ไม่มีข้อจำกัดใดทั้งสิ้น
ทั้งนี้ หลังจากที่เครื่องบินลงไปจอดแล้ว ก็ต้องมีการเติมน้ำมัน การสตาร์ทเครื่องยนต์ มีการซ่อมบำรุงเป็นบางส่วน มีการถ่ายเทของเสียออกจากเครื่องบิน ซึ่งก็ต้องดูว่า ประเทศปลายทางมีความพร้อมหรือไม่ โดยบางประเทศอาจไม่ยินดีที่จะให้เครื่องไปลง เพราะเขาไม่สามารถดูแลและบริการเราได้ ในส่วนของประเทศจีน ก็คงต้องรอให้มีการอนุมัติก่อน ซึ่งกองทัพอากาศก็ยังคงสแตนบายอยู่
ดังนั้น จึงไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้ และขึ้นอยู่กับเหตุผลของประเทศปลายทาง ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่เราจะคาดเดาได้ เพราะเป็นเรื่องเหตุผลภายในส่วนเหตุการณ์ที่เครื่องบิน C-130 ของกองทัพอากาศ บินไปรับคนไทยในกัมพูชากชับประเทศ เมื่อปี 2546 นั้น ผู้บัญชาการทหารอากาศ ชี้แจงว่า เพราะได้รับอนุญาตให้เข้า จึงเข้าไปได้ แต่ในส่วนของประเทศจีน ค่อนข้างเข้มงวดในเรื่องของความมั่นคง อีกทั้งมีหลายชาติที่ต้องการเข้าไปอพยพผู้คนเข้าออก ดังนั้นการกำหนดขอบเขตในการเข้าออก จึงเป็นเงื่อนไขสำคัญที่จีนต้องระมัดระวัง และกรณีที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องความสัมพันธ์ของผู้นำ แต่ยืนยันได้ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีน ก็เป็นมิตรภาพที่ดีเยี่ยมที่สุดประเทศหนึ่ง