ศปม.ตร.ออกมาตราการคุมเข้มเจ้าหน้าที่ฑูตฯ ในช่วงเวลาประกาศ “เคอร์ฟิวส์” ต้องแสดงบัตรให้ตรวจสอบ และต้องใช้รถทะเบียนทูตเท่านั้น
เมื่อวันที่ 8 เมษายน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.ต.วีรพัฒน์ ศิวะแพทย์ ผบก.กองแผนงานความมั่นคง ได้มีบันทึกข้อความส่วนราชการที่ ศปม.5.31/26 ลง 7 เมษายน 2563 ถึง ผบ.ตร.จตช. และ รอง ผบ.ตร.ผู้ช่วย ผบ.ตร. (บร 4), (มค 2) และ (มค 3) ผบช. หรือตำแหน่งเทียบเท่าผบก.ในสังกัด สูง.ผบ.ตร.
เรื่องแนวปฏิบัติสำหรับจากการประกาศข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 2)
ตามหนังสือ กต.ด่วนที่สุด ที่ กต 040/ว.857 ลง3 เมษายน 2563 เรื่องแนวปฏิบัติสำหรับจากการประกาศข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 2)
ซึ่งห้ามบุคคลออกนอกเคหสถาน(curfew) ระหว่างเวลา 22.00-04.00 น.โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน เป็นต้นไปจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งต่อมา กต. แจ้งว่าจากผลการประชุม ศบค. ในวันที่ 3 เมษายน มติที่ประชุมเห็นชอบในหลักการให้คณะผู้แทนทางการทูต ทางกงสุล และองค์การระหว่างประเทศประจำประเทศไทยได้รับการยกว้นจากข้อกำหนดฯ (ฉบับที่ 2) ตามพันธกรณีระหว่างประเทศในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐผู้รับ นั้น
ฝ่ายเลขาฯ ศปม.ตร. พิจารณาแล้วขอเรียนว่า ให้ส่วนปฏิบัติการที่ต้องปฏิบัติภารกิจในช่วงเวลาซึ่งห้ามบุคคลออกนอกเคหสถาน (curfew) หากพบเห็นรถยนต์ของคณะผู้แทนทางการทูต ที่ปฏิบัติหน้าที่ หรือออกจากที่พักอาศัยเท่าที่จำเป็น โดยหากมีเหตุผลที่ต้องปฏิบัติภารกิจในช่วงเวลาดังกล่าวให้ตรวจสอบบัตรประจำตัวนักการทูต และจะต้องใช้รถยนต์ป้ายทะเบียนทูตเท่านั้นจึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาและดำเนินการ