กฤษฏีกาการันตีรัฐบาล ร่าง พ.ร.ก.ถูกต้องตาม รธน.
"เลขากฤษฏีกา" การันตีรัฐบาล ร่าง พ.ร.ก.ถูกต้องตามมาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญ และ มาตรา 53 ของ กฎหมายวินัยการเงินการคลังทุกขั้นตอน
เมื่อวันที่ 28 พ.ค.63 นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการสำนักงานกฤษฎีกา ชี้แจงข้อกฎหมายที่สมาชิกสภาผู้เเทนราษฎรมีข้อสงสัยในการใช้คำว่า "อนุมัติ" แทนที่คำว่า ”เห็นชอบ” ไว้ในร่างกระพราชกำหนด(พ.ร.ก.) ว่า ความจริงไม่มีความแตกต่าง เพียงแต่ถ้าเป็นยามปกติมีการเสนอร่าง พ.ร.บ.เข้าสู่สภาเพื่อให้ ส.ส.พิจารณาเห็นชอบ แต่มีบางกรณีที่มีความจำเป็นรีบด่วนจำเป็นต้องมีกฎหมายขึ้นมาในช่วงที่สภาไม่ได้อยู่ในสมัยประชุม หรือถึงแม้อยู่ในระหว่างสมัยประชุม แต่มีความจำเป็นรีบด่วนต้องออกกฎหมายเพื่อดำเนินการเรื่องใดเรื่องหนึ่ง หรือสภาไม่สามารถตกลงกันได้
ซึ่งจะก่อให้เกิดผลเสียหายต่อประเทศ เช่น กรณีภาษีอากรที่เป็นเรื่องลับและเร่งด่วน เพื่อไม่ให้เกิดความได้เปรียบ และตามหลักการแบ่งแยกอำนาจของหลักสากล ให้ฝ่ายบริหารมีอำนาจตราพระราชกำหนดใช้บังคับเหมือนพระราชบัญญัติได้ แต่ไม่ได้หมายความว่ากฎหมายพระราชกำหนดจะมีผลยืดยาว เพราะที่สุดก็ต้องนำมาสู่การพิจารณาอนุมัติจากฝ่ายนิติบัญญัติในสภาซึ่งเป็นเจ้าของอำนาจโดยแท้ จึงเป็นที่มาของคำว่า ”อนุมัติ”
ส่วนที่มีการตั้งคำถามว่าร่าง พ.ร.ก. ฉบับนี้ มีการรับฟังความเห็นประชาชนตามมาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญหรือไม่ ขอชี้เเจงว่า เมื่อตัว พ.ร.ก.เป็นกฎหมายที่ตราขึ้นตาม 172 ของรัฐธรรมนูญ คือเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วน และเราได้ทำภายใต้ พ.ร.บ. หลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. 2562 มาตรา 19 ที่ระบุว่ากฎหมายที่จำเป็นต้องตราขึ้นอย่างเร่งด่วนเพื่อประโยชน์ต่อสาธารณะความมั่นคงเศรษฐกิจภัย หรือพิบัติ เมื่อรัฐบาลได้รับฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว ถือว่าดำเนินการรับฟังความคิดเห็นโดยชอบ อย่างไรก็ตามแม้พ.ร.ก.ไม่ได้อยู่ภายใต้ข้อบังคับ พ.ร.บ.ฉบับนี้ แต่รัฐบาลก็ได้ดำเนินการอย่างดีที่สุดโดยประยุกต์การรับฟังความคิดเห็นให้สอดคล้องกับมาตรา 19 โดยมีการประชุมรับฟังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆจึงถือว่าดำเนินการครบถ้วนตามที่มาตรา 77 กำหนด
ส่วนที่ถามว่าทำไมต้องใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศราชกิจจานุเบกษา และจะนับวันอย่างไรนั้น นายปกรณ์ กล่าวว่า การกำหนดใช้วันบังคับของกฎหมายปกติเริ่มแต่มีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากประกาศใช้ เพื่อให้ประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมตัวในการรับรู้รับทราบกฎหมาย และปฏิบัติตามได้อย่างถูกต้อง บางฉบับมีการขยายระยะเวลาการบังคับใช้ออกไปแล้วแต่กรณี แต่กรณีนี้เป็นสถานการณ์โควิดที่มีผลกระทบรุนแรงมากมีผลต่อภาวะเศรษฐกิจและประชาชน การช่วยเหลือจึงจำเป็นต้องเร่งด่วน และไม่กระทบสิทธิของประชาชน แต่เป็นการช่วยเหลือ จึงกำหนดให้เริ่มใช้ตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ส่วนที่ว่า พ.ร.ก.นี้สอดคล้องกับกฎหมายวินัยการเงินการคลัง หรือไม่ ขอชี้แจงว่า การตรากฎหมายนี้ต้องเป็นไปตามมาตรา 3 ของรัฐธรรมนูญที่บัญญัติว่ารัฐสภา ครม. ศาล องค์กรอิสระ และหน่วยงานของรัฐ ต้องปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และหลักนิติธรรม โดยยึดประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติและความผาสุกของประชาชน
โดยรวมถือเป็นการรองรับหลักกฎหมาย อีกทั้งพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังกำหนดว่าการตรากฎหมายที่เป็นการเฉพาะและเรื่องจำเป็น หากดำเนินการเร่งด่วนและต่อเนื่องเพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤติของประเทศโดยไม่อาจตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีได้ทัน สามารถให้กู้เงินได้โดยรัฐบาลได้พิจารณาแล้วเห็นว่าระหว่างนั้นอยู่นอกสมัยประชุมสภา และเป็นกรณีจำเป็นเร่งด่วน จึงอาศัยอํานาจตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง และยังระบุไว้ในมาตรา 4 ของร่างพ.ร.ก.ด้วยว่าเป็นการกู้ตามมาตรา 53 ของ พ.ร.บ.ดังกล่าวรวมถึงวัตถุประสงค์ของการกู้ ระยะเวลาการกู้ แผนงานโครงการ วงเงินที่อนุญาตให้กู้ และหน่วยงานของรัฐที่รับผิดชอบดำเนินการใช้จ่ายเงินกู้ด้วย