วัดใจ 'ประยุทธ์' ปรับ ครม. กับเสียงตัดพ้อ 'คนดีอยู่ไม่ได้'
ถ้าเป็นไปตามที่ “กลุ่มก่อการขับไล่” ผู้บริหารพรรคพลังประชารัฐชุดเก่า ต้องการให้หลุดจากตำแหน่งไปทั้งยวง
ตั้งแต่ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกรัฐมนตรี “อุตตม สาวนายน” รมว.คลัง “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” รมว.พลังงาน และ “สุวิทย์ เมษินทรีย์” รมว.อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม เท่ากับว่า เก้าอี้รัฐมนตรีจะว่างลง “4 ตำแหน่ง” มีบางตัวที่ถูกจับจ้อง หวังครอบครองเป็นพิเศษ เช่น “พลังงาน”
จะว่าไป การลาออกของ 18 กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ เพื่อบีบ “อุตตม-สนธิรัตน์” พ้นทาง นับเป็นสัญญาณเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ใน “คณะรัฐมนตรี” อย่างไม่ต้องสงสัย
จริงอยู่ว่า ตามมารยาททางการเมือง การ “ปรับครม.” เป็นอำนาจนายกรัฐมนตรีพิจารณา แต่การพิจารณาว่าใครจะอยู่ใครจะไปนั้น นายกฯคงไม่ตัดสินใจโดยลำพัง ชนิดที่ไม่รับรู้รับฟังความต้องการนักการเมืองอยู่แล้ว
ในช่วงหลังมานี้ มีการพูดกันหนาหูว่าให้จับตาคนนั้นคนนี้ ที่จะมาแทนคนนั้นคนนี้ให้ดี เมื่อลองไล่รายชื่อดูว่า แคนดิเดตแต่ละตำแหน่งจะเป็นใครบ้าง
เริ่มที่ตำแหน่งของ “รองนายกฯ” และ “รมว.คลัง” ที่มีความเป็นไปได้สูงที่ “นายกฯ” จะเปลี่ยนแม่ทัพคนสำคัญครั้งใหญ่ แบบที่เคยเปลี่ยน “ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล” หรือ “หม่อมอุ๋ย” มาเป็น “สมคิด” เพราะโจทย์ทางเศรษฐกิจของประเทศวันนี้เปลี่ยนไปจากเดิม การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ได้รับการผลักดันไปเต็มที่แล้ว
การเน้นปลุกปั้นตัวเลขจีดีพีของประเทศให้สวยหรู แต่ปัญหาปากท้องของคนระดับกลางและล่างเหมือนจะสวนทาง และยิ่งมาเจอวิกฤติ “โควิด-19” ซ้ำไปอีก จึงต้องมีอะไรมากกว่าวิธีการเดิมๆ อย่างการลด แลก แจก แถม ที่อาจจะไม่ได้ผลอีกแล้วนับจากนี้
การเลือกใช้คนให้ถูกกับงาน จึงเป็นวิสัยทัศน์อย่างหนึ่งของผู้นำประเทศ
สถานการณ์แบบนี้ ชื่อของ “ปรีดี ดาวฉาย” ผู้บริหารแบงก์ยักษ์ใหญ่สีเขียวของเมืองไทย และเป็นประธานกรรมการสมาคมธนาคารไทย ที่ผู้ใหญ่ในรัฐบาลและในพรรคพลังประชารัฐ ต่างยอมรับในฝีไม้ลายมือ ซึ่งชีวิตไต่เต้าเติบโตผ่านความลำบากกว่าจะมีวันนี้ ทำให้เข้าใจคนตัวเล็กตัวน้อย หรือผู้ประกอบการ SMEs เป็นอย่างดี จึงถูกจับตาว่าจะมาร่วมลง “เรือเหล็ก” ช่วย “รัฐบาล” กู้วิกฤติเศรษฐกิจฐานราก
ดังนั้นตำแหน่ง “รองนายกฯ” และ “ขุนคลัง” ที่หากมีการเปลี่ยนตัวมาแทน “สมคิด-อุตตม” ก็ต้องเป็นคนที่ทำงานเข้าขากันพอสมควร โดย 2 ตำแหน่งนี้ มีโอกาสสูงที่โควตาจะเป็นของคนนอก ซึ่งนอกจาก “ปรีดี” แล้ว ยังมีชื่อบิ๊กเนมในด้านเศรษฐกิจอีก 2-3 คน รวมอยู่ด้วย ชนิดที่ว่าพูดชื่อปุ๊บ ต้องร้องอ๋อปั๊บ
ขณะที่ “รมว.พลังงาน” ชื่อของ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” ถือเป็นตัวเต็ง มีโอกาสสลับจาก รมว.อุตสาหกรรม มาแทน “สนธิรัตน์” แล้วให้ “สันติ พร้อมพัฒน์” ขยับจาก “รมช.คลัง” ไปนั่ง “อุตสาหกรรม” แทน
ส่วนตำแหน่ง รมช.คลัง ที่ว่างลง ต้องจับตา “อนุชา นาคาศัย” ที่เคยพลาดหวังจากครั้งที่แล้วในตำแหน่งนี้ให้ดี เขาคือคนที่เคยลั่นวาจาบนเวทีปราศรัยช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ที่ จ.ชัยนาท แบบวางเดิมพันชีวิตทางการเมืองเอาไว้
ถึงอย่างนั้น คงต้องขับเคี่ยวกับ “นารีขี่ม้ามืด” อย่าง “นฤมล ภิญโญสินวัฒน์” ที่ได้ดิบได้ดี เติบโตอย่างรวดเร็วในทางการเมือง ทุกวันนี้แทบจะเป็นเงาของ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกฯ และประธานยุทธศาสตร์พลังประชารัฐ อย่างไรอย่างนั้น ไม่รู้ว่าเพราะฝีมือการทำงานเข้าตาผู้ใหญ่ หรือมีอะไรดีที่คนอื่นมองไม่เห็นกันแน่
โดย “นฤมล” ที่หมายตา “รมช.คลัง” ไว้นั้น เข้าสู่แวดวงการเมืองได้เพราะ “สมคิด” จนได้เป็นส.ส.บัญชีรายชื่อ ก่อนจะลาออกจาก ส.ส.ไปเป็น “โฆษกรัฐบาล” เพราะ “ธรรมนัส พรหมเผ่า” รมช.เกษตรและสหกรณ์ ผลักดัน เที่ยวนี้จะได้เป็น “รัฐมนตรี” เพราะ “พล.อ.ประวิตร” หรือไม่ อีกไม่นานก็รู้
อีกคนที่ลืมไม่ได้คือ “สุชาติ ชมกลิ่น” ประธานส.ส.พลังประชารัฐ และส.ส.ชลบุรี ที่หมายมั่นปั้นมือ จอง “กระทรวงแรงงาน” มาตั้งแต่รอบที่แล้ว มาเที่ยวนี้ ก็ยังมีชื่อคั่วเก้าอี้นี้อยู่ แต่อาจติดตรงที่ “ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล” หรือ “หม่อมเต่า” ยังอยู่
ดังนั้น คงต้องถาม “สุเทพ เทือกสุบรรณ” ผู้ร่วมก่อตั้ง “พรรครวมพลังประชาชาติไทย” ด้วยว่าโอเคหรือไม่ ที่จะขยับ “หม่อมเต่า” ไป "กระทรวงอุดมศึกษาฯ” หรือกระทรวงอื่นแทน เพื่อเปิดทางให้ “สุชาติ” ได้เชยชมตำแหน่ง รมว.แรงงาน สมใจ
หรือถ้า “หม่อมเต่า” ไม่ขยับไปไหน “สุชาติ” ไปนั่ง “รมว.อุดมศึกษาฯ” ก็ไม่รู้จะรอดหรือไม่ หรือมีใครที่เหมาะสมมากกว่า ต้องรอติดตาม
ส่วนใครจะไปลงเอยตำแหน่งใด ไม่มีใครรู้ ยกเว้น นายกฯ เท่านั้น แต่ที่รู้ๆ การได้ตำแหน่งในช่วงที่บ้านเมืองวิกฤติ ความคาดหวังจากผู้คนย่อมสูงเป็นธรรมดา หากจะมัวแต่รำมวย เต้นฟุตเวิร์คออกหมัดไม่เป็น ย่อมมีแต่เสียกับเสีย
เสียแรกคือเสียกับตัว “นายกฯ” และเสียที่สองคือ บ้านเมืองเสียโอกาส เสียเวลา เสียทรัพยากร
ด้วยเหตุนี้ การปรับครม.รอบนี้ วัดใจ “บิ๊กตู่” หลายขยักว่า จะเลือกตอบแทนทางการเมืองในพรรค หรือเลือกความเหมาะสม แก้วิกฤติประเทศ ท่ามกลางจังหวะที่ “สมคิด” ชิงเปิดหัวชวนคิดว่า “คนดี คนเก่ง ซื่อสัตย์สุจริตเขาก็อยู่การเมืองไม่ได้ แล้วถ้าทยอยไปทีละคนใครจะทำงาน”
สัญญาณจากรองนายกฯสมคิด เที่ยวนี้ นับเป็นการส่งสารตรงถึง “นายกฯ” ที่ต้องคิดให้ดี ก่อนตัดสินใจอะไรลงไป