'วิลาศ' โวยโดนใบสั่งหัวหน้าพรรคบางพรรคถอดพ้นกมธ.

'วิลาศ' โวยโดนใบสั่งหัวหน้าพรรคบางพรรคถอดพ้นกมธ.

“วิลาศ” โวยโดนใบสั่งหัวหน้าพรรคบางพรรคถอดพ้นกมธ. ชี้แฉข่าวทุจริตเกลื่อนแต่พรรคปิดปากเงียบ จี้แสดวความจริงใจต่อต้านทุจริต

จากกรณีการตรวจสอบความล่าช้าโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภ่าแห่งใหม่ ล่าสุด นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนเองได้แถลงความเละเทะของการสร้างสภาใหม่ ไม่รู้ว่าไปแทงใจดำใครบ้าง และได้ไปร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตามปกติ แต่ก็เกิดปัญหาที่พรรค มีหัวหน้าพรรคพรรคหนึ่ง มาบอกว่าหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคเขาด่าลูกพรรคไปแล้วที่แถลงข่าว และตนก็ไม่รู้ว่าใครส่งไลน์ไป และไม่มีการยอมรับหรือปฏิเสธ 

หลังจากนั้นก็มีญัตติตั้งคณะกรรมาธิการศึกษาการสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ ตนยืนยันมาตลอดว่าชอบตรวจสอบอิสระ เพราะไม่รู้ว่าเข้าไปแล้วจะฮั๊วะกันยังไง แต่วันนั้นในที่ประชุมพรรคมีคนจะเสนอตนเป็นกรรมาธิการ ตนก็ยืนยันว่าไม่เอา แต่ก็มีมติว่าให้ตนเป็นกรรมาธิการ แต่เมื่อเวลาผ่านไปถึง 2 ทุ่ม มีคนมาบอกว่าขอเปลี่ยนตัว แต่ตนขอให้ทำตามหลักการคือเปลี่ยนในที่ประชุมพรรค ตนไม่รู้ว่าประธานวิปพรรคประชาธิปัตย์เป็นใคร และใหญ่มาจากไหนมาเปลี่ยชื่อตน ขอถามกลับว่าคนที่เปลี่ยนแทนตน ได้เข้าประชุมหรือไม่ มีโจรคนไหนอมน้ำมนต์มา ไม่อยากบอกว่าพฤติกรรมแบบนี้มันส่อว่าอยู่ใต้อาณัติใครจะปฏิเสธก็ไม่มีทาง

“ผมขอให้ที่ประชุมพรรคยึดหลัก สิ่งที่พูดไปต้องทำจริง ไม่ใช่วันนี้อยู่ดีๆ ไปประกาศว่าพรรคมีข้อบังคับมีบทลงโทษ แต่ทำเฉพาะบางคนอย่างนี้ใช้ไม่ได้ โดยเฉพาะเรื่องทุจริตที่เป็น 1 ใน 3 เงื่อนไขร่วมรัฐบาล เวลามีข่าวทุจริตพรรคเคยแสดงความคิดเห็นสักครั้งไหมเห็นสงบเสงี่ยมเจียมตัวดี บอกว่าเป็นพรรคเล็กทำอะไรต้องเกรงใจแกนนำ แต่เราต้องยึดความถูกต้อง อะไรที่ใช้ไม่ได้ ต้องบอกว่าใช้ไม่ได้ บางคนอาจจะบอกว่าวันนี้เสียงพรรคยังดี แต่แหล่งที่มาไม่เหมือนกัน ผมลงพื้นที่ไม่น้อยกว่าคนอื่น ถ้าเรายังยึดนโยบายแบบนี้มันจะดีจริงไหม ถ้าเราตามเขาไปถึงพริกถึงขิง คนที่เริ่มวิจารณ์พรรคเรามีความรู้มีฐานะ คนเหล่านี้เป็นฐานเสียงพรรคเรา แต่เขาเริ่มไปที่อื่นและค่อนข้างวิจารณ์เรา” นายวิลาศ กล่าว

ก่อนหน้านี้นายลิลาศได้แถลงกรณีดังกล่าวโดยระบุว่า ได้รับข้อมูลร้องเรียนพร้อมเอกสารหลักฐานจากข้าราชการสภาฯ ถึงการขอเบิกค่าเร่งรัดการก่อสร้าง ห้องประชุมจันทรา กว่า 73 ล้านบาทซึ่งตนได้สอบถามตัวแทนผู้รับจ้างก่อสร้างสภาฯ ได้รับคำตอบว่า ไม่มี 

แต่ต่อมาวันที่ 10 เมษายน 2563 ทราบว่า ทางบริษัทรับเหมาก่อสร้างได้ยื่นขอเบิกเงินเป็นค่าเร่งรัดการก่อสร้างห้องประชุม พระสุริยัน-จันทรา และห้องประชุมกรรมาธิการฯ รวม 215 ล้านบาท ทั้งที่ในสัญญาการก่อสร้างหลัก ข้อ 4 วรรค 3 ระบุชัดเจนว่า บริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างไม่มีสิทธิ์เรียกค่าเร่งรัด หรือเบิกจ่ายอื่นใดนอกเหนือสัญญา จึงถามว่าเอาอำนาจใดมาขอเบิกค่าเร่งรัดการก่อสร้าง ทั้งที่ก่อสร้างล่าช้ากว่ากำหนด อาทิ ห้องประชุมจันทรา เดิมกำหนดแล้วเสร็จภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2561 แต่เสร็จจริงในเดือนมิ.ย. 2562 ซึ่งล่าช้ากว่า 6 เดือน ส่วนห้องประชุมพระสุริยัน กำหนดเสร็จ 31 มี.ค. 2562 แต่เสร็จจริง เมษายน 2563 ซึ่งล่าช้ากว่า 1 ปี

จึงเรียกร้องเลขาธิการสภาฯรักษาผลประโยชน์ของชาติไปทุกที่ เพื่อหาคนติดคุกในเรื่องนี้ให้ได้ คาดว่ามีหลายคนที่เกี่ยวข้อง เพราะเป็นการทำให้รัฐเสียหาย ซึ่งจากการติดตามพบเหตุส่อมีการทุจริตค่อนข้างมาก