ถอยฉากจาก 'แนวหน้าการ์ด' WEVO ยกระดับ 'ภารกิจใหม่'
“การเคลื่อนไหวของ Wevo ในปี 2564 หนึ่ง จะไม่ใช่การ์ดแน่นอน สอง จะไม่ใช่แค่ผู้ชุมนุมแน่นอน และสาม จะเป็นมากกว่าทั้งสองอย่างแน่นอน”
คำประกาศถอนตัวจากทีมการ์ดดูแลผู้ชุมนุมกลุ่มราษฎร ในนาม "We Volunteer" โดย "ปิยรัฐ จงเทพ" หรือ "โตโต้" หัวหน้าการ์ดกลุ่ม Wevo เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กลายเป็นประเด็นสำคัญต่อองคาพยพคณะราษฎร ในสถานการณ์เคลื่อนไหวชุมนุมใหญ่ที่ผ่านมากว่า 5 เดือน
เมื่อสภาพโครงสร้าง "การ์ด" บางส่วนไม่เป็นเอกภาพ จนส่งผลต่อแนวทางบริหารจัดการการชุมนุมในรูปแบบเดียวกันทั้งหมด จึงเป็นจุดหักเห บีบไปถึงกลุ่ม Wevo ต้องเลือกเปลี่ยนบทบาทจาก "แนวหน้าการ์ด" สู่ภารกิจพิเศษหน้าใหม่ "กรุงเทพธุรกิจ" ได้พูดคุย "โตโต้-ปิยรัฐ" ถึงการตัดสินใจยุติทำหน้าที่การ์ด ในวันที่การชุมนุมยกระดับความเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ
เริ่มต้น "ปิยรัฐ" บอกว่า จากการชุมนุมเคลื่อนไหวมาตั้งแต่วันที่ 18 ก.ค.2563 ในวันนั้นเริ่มมี Wevo เข้ามาสู่กระบวนการแล้ว จนมาถึงวันที่ 29 พ.ย.ที่ Wevo ได้ปฏิบัติหน้าที่การ์ดวันสุดท้าย หากพูดกันแบบตรงไปตรงมาว่า เรามีทรัพยากรต่างๆ พร้อมมากกว่าการเป็นการ์ด หรือทำหน้าที่อื่นได้มากขึ้น เพราะขณะนี้การ์ดมีหลายกลุ่มหลายคน ทำให้ความคิดเห็นไม่ตรงกัน ดังนั้นเพื่อลดปัญหาตรงนี้Wevo จึงให้การ์ดเหล่านั้นทำงานได้อย่างเต็มที่ ส่วน Wevo ไม่จำเป็นต้องอยู่ในจุดนั้นอีกต่อไป สามารถไปอยู่ในจุดอื่นที่เราทำได้
"เรื่องนี้คิดไว้นานมากแล้ว ไม่ใช่แค่วันหรือสองวัน แต่คิดไว้ตั้งแต่วันที่ 14-15 ต.ค.ที่มีการปราบปรามผู้ชุมนุมที่หน้าทำเนียบรัฐบาลเป็นจุดเริ่มต้นของการ์ดคิดโมเดลทำงานรูปแบบใหม่ ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นการ์ด เพราะเวลานั้นยังไม่รู้ว่าจะมีเวทีชุมนุมอีกหรือไม่ เลยคิดว่าเราต้องเป็นมากกว่านั้น เราอาจเป็นผู้ปฏิบัติภารกิจเอง อาจนำเสนอประเด็นเองได้"
ส่วนปัญหาระหว่างการ์ดที่เกิดขึ้นมานั้น "ปิยรัฐ" อธิบายว่า เป็นความไม่เข้าใจบทบาทและหน้าที่ของการ์ดมากกว่า เพราะจริงๆ แล้วการ์ดไม่ได้มีหน้าที่ไปปะทะ ไม่ได้มีหน้าที่ตรวจค้นประชาชน ไม่ได้มีหน้าที่ปิดกั้นการจราจร แต่การ์ดมีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยผู้ร่วมชุมนุมเป็นหลัก หากประชาชนไม่ได้ลงไปปิดถนนเอง การ์ดเองก็ไม่มีสิทธิ์ไปปิดถนน แต่หากผู้ชุมนุมลงมาปิดถนนแล้ว การ์ด Wevo จะเข้าไปขอความร่วมมือผู้ใช้รถยนต์อย่าเข้าไปในพื้นที่ เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุได้
"การ์ดไม่มีหน้าที่ตรวจค้นกระเป๋า ไม่มีหน้าที่ตรวจค้นรถยนต์ เราไม่มีอำนาจทางกฎหมาย แต่ช่วงนี้มีประชาชนด่าการ์ดเยอะว่าไปตรวจค้น ผมเลยไปทำความเข้าใจการ์ดกลุ่มอื่นให้มากขึ้นว่า คุณไม่มีสิทธิ์ตามกฎหมาย การ์ดไม่มีหน้าที่วิ่งเข้าไปใส่ตำรวจ หรือวิ่งไปปะทะกับเจ้าหน้าที่ทหาร เพราะการ์ดมีหน้าที่อย่างเดียว คือสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้กับผู้ชุมนุม ซึ่ง Wevo มีระบบของเราแบบนี้ หากการ์ดกลุ่มอื่นเข้าใจตรงนี้ ก็ทำงานกับเราได้ แต่หากไม่เข้าใจแล้วมาต่อว่าเรา ทำไมถึงอ่อนแอ ทำไมถึงหน่อมแน้ม หรือทำไมต้องเจรจา จึงมีโอกาสที่ไม่เข้าใจกัน"
จากบทบาทที่เป็นอยู่ขณะนั้น ทำให้ "ปิยรัฐ" เป็นห่วงว่าจะเกิดความขัดแย้งระหว่างกัน ที่ส่งผลต่อภาพรวมในกระบวนการทั้งหมด จึงตัดสินใจถอยไปอยู่ในจุดที่การ์ดกลุ่มอื่นได้สบายใจ และ Wevo ก็สบายใจ ซึ่งการตัดสินใจครั้งนี้เขาบอกว่า แกนนำหลักรับทราบมาก่อนหน้านั้นแล้ว แต่ต้องทำให้เข้าใจว่า Wevo มีระบบของตัวเองและจะทำหน้าที่ได้มากกว่าเดิมหลายเท่า
"ปิยรัฐ" ยืนยันว่าบทบาท Wevo ในภาพต่อไป จะชัดเจนตั้งแต่วันที่ 5 ธ.ค.เป็นต้นไป ขณะนี้ Wevo มีสมาชิกไม่น้อยกว่า 500 คนที่ผ่านการลงทะเบียนและสัมมนาไปแล้ว กลุ่มนี้ผ่านการอบรม วางแผน และรับรู้ความรับผิดชอบในหน้าที่ตัวเอง Wevo มีสายบังคับบัญชาเชื่อว่าทั้ง 500 คนพร้อมปฏิบัติภารกิจฉับพลันทันด่วน ไม่จำเป็นต้องประชุม ไม่จำเป็นต้องรอการตัดสินใจจากแนวร่วมกลุ่มใด การทำงานของ Wevo จะเป็นสายฟ้าแลบได้ภายใน 30 นาทีจะมีความพร้อมทั้ง 500 คน เพราะตอนนี้ระบบ Wevo คงที่แล้ว
"ทั้ง 500 คนกระจายตามจุดต่างๆ ไม่ได้อยู่ที่เดียวกัน การเคลื่อนไหวทุกอย่างเป็นไปได้หมด หรือกระทั่งหากจัดชุมนุมกัน แต่ Wevo รู้ข่าวว่าเจ้าหน้าที่จะเข้าสลาย เอารถจีโน่มา (รถฉีดน้ำแรงดันสูง) Wevo อาจไปบล็อครถฉีดน้ำไว้ก่อนก็ได้ โดยไม่ให้รถฉีดน้ำเข้าไปสลายผู้ชุมนุม"
"ปิยรัฐ" ประเมินการชุมนุมตลอด 5 เดือนจากข้อเรียกร้องที่ตั้งเป้าไว้มาไกลกว่าที่คิด ใครจะคิดว่า 4-5 เดือนที่ผ่านมาจะมีการพูดถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ได้ เราคิดว่ามาไกลเกินกว่าจะถอยกลับไป เพราะสามารถปักธงพื้นที่คิด วิเคราะห์วิจารณ์องค์กรภาครัฐทุกองค์กร สิ่งนี้เกินความคาดหมาย แต่ถ้าถามว่าจะพลิกฟ้า คว่ำแผ่นดิน ล้มล้าง หรือเปลี่ยนแปลงการปกครองหรือไม่ ส่วนตัวคิดว่าไม่ใช่ชัยชนะที่เราต้องการ และส่วนตัวไม่ได้ต้องการเลย และพูดชัดเจนว่าให้เป็นไปตามครรลองคลองธรรมตามประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขอย่างแท้จริง เป็นสิ่งที่ย้ำมาตลอด ไม่ได้พูดให้ภาพตัวเองดูสวยดูหล่อ แต่ย้ำให้ชัดเจนว่าประชาชนอยู่ร่วมกับสถาบันได้เหมือนนานาอารยประเทศ
"ถ้าเราจะทำให้กฎมายเป็นกฎหมาย และรัฐธรรมนูญศักดิ์สิทธิ์จำเป็นต้องปฏิรูปให้ทุกอย่างอยู่ใต้รัฐธรรมนูญอย่างแท้จริง ถ้าถามผมว่าต้องการธงไหน ผมต้องการธงนี้ แต่จะไปถึงหรือไม่และเมื่อไหร่ อยู่ที่ความจริงใจของฝ่ายผู้มีอำนาจ แต่ตอนนี้ยังไม่เห็นนะ เพราะเริ่มกลับมาใช้มาตรา 112 แล้ว ดังนั้นจะจบอย่างไรก็ยังเป็นคำถาม ถ้าจะแตกหักคุณจะรบกับประชาชนหรือไม่ หรือคิดว่าจะควบคุมสถานการณ์ได้หรือไม่"
"ปิยรัฐ" ย้ำว่าการชุมนุมครั้งนี้ไม่มีใครเป็นแกนนำ หรือหากคุยกับแกนนำแล้วก็ไม่จบ คุณคุยกับเพนกวินวันนี้จบหรือไม่ คุณจับทนายอานนท์ จับเพนกวิน จับไมค์ไปแล้วเกือบ 20 วันกลายเป็นว่าม็อบยิ่งเพิ่มมากขึ้น หากจะจับอีกรอบจากสิบกลุ่มตอนนี้อาจเพิ่มเป็นร้อยกลุ่มก็ได้ หรือหากเปรียบเทียบการเคลื่อนไหวมี 10 ระดับ ขณะนี้มองว่าการเคลื่อนไหวเพิ่งเริ่มก้าวที่ 1 ด้วยซ้ำ เพราะการต่อสู้ยังไม่ได้มีอะไรกลับมา นอกจากเพิ่งจะอ้าปากได้ เส้นทางยังอีกยาวไกลมาก แต่ถ้าเริ่ม 1 ได้แล้ว 2 3 4 จะง่ายขึ้น และ 4 5 6 จะไม่ยาก
ส่วนสถานการณ์ชุมนุมในปี 2564 "ปิยรัฐ" ยอมรับว่า นึกไม่ออกถึงว่าการใช้มาตรา 112 ส่งผลต่อการชุมนุมให้ดรอปหรืออัพขึ้นหรือไม่ แต่เชื่อว่าอารมณ์ของมวลชนจะยกระดับมากขึ้น ขณะที่รูปแบบการเคลื่อนไหวน่าจะหลากหลาย โดยเฉพาะการที่ฝ่ายรัฐใช้รูปแบบ "ไอโอ" มาโจมตีมากขึ้น แต่การเคลื่อนไหวของ Wevo ในปี 2564 นั้น 1.จะไม่ใช่การ์ดแน่นอน 2.จะไม่ใช่แค่ผู้ชุมนุมแน่นอน และ 3.จะเป็นมากกว่าทั้งสองอย่างแน่นอน แต่ยังบอกไม่ได้ว่า Wevo จะไปในทิศทางใด
"วันนี้ชัดเจนแน่ ว่าเรายังไปต่อ และไปอย่างเข้มข้นกว่าเดิม ไม่ใช่แค่จะไปยืนปิดแยกจราจร ไม่ใช่ไปยืนในพื้นที่ชุมนุม แต่เราจะเป็นมากกว่านั้น จะมีบิ๊กเซอร์ไพรส์ที่ไม่เคยเห็นในประเทศไทย ทั้งหมดเตรียมแผนไว้แล้ว"
"ปิยรัฐ" ได้สื่อสารไปถึงผู้ชุมนุมว่า การชุมนุมทุกครั้งมีความเสี่ยง ขอให้ผู้ชุมนุมประเมินสถานการณ์ว่า หากสถานการณ์เข้มข้นและมีประเด็นล่อแหลม ขอให้เตรียมพร้อมทั้งกายและใจที่เข้มแข็ง ที่สำคัญต้องมีสติสัมปชัญญะ ขอให้ฟังแกนนำทั้งบนรถปราศรัย หรือเพจแนวร่วมต่างๆ อย่าไปฟังคำชี้นำจากคนใดคนหนึ่งที่มาแอบอ้างในพื้นที่ เพราะการไปชุมนุมต้องมีสติ และอย่าไปด้วยความแค้นหรือความโกรธ แต่ขอให้ทะนงตนว่า เราสามารถขับเคลื่อนด้วยความเป็นปัญญาชนและสันติวิธีได้
"ประสบการณ์สอนเราว่า เมื่อไหร่ก็ตามคุณใช้ความรุนแรงต่อรัฐก่อน รัฐจะใช้ความรุนแรงตอบโต้ทุกอย่างที่เขามี สันติวิธีเท่านั้นเป็นหนทางแห่งชัยชนะ ส่วนใครเริ่มใช้ความรุนแรงก่อนคนนั้นจะแพ้ ที่สำคัญอยากให้เข้าใจว่าสันติวิธีไม่เท่ากับความสงบ การพ่นสี สาดสี ไม่สงบแน่นอน แต่เป็นสันติวิธี" ปิยรัฐ ทิ้งท้าย.