'สมช.'เคาะต่อ'พ.ร.ก.ฉุกเฉิน' 3จชต.อีก3เดือนยกเว้น6อำเภอ
"ประวิตร" นั่งหัวโต๊ะ ถก "คกก.บริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน" เผย แนวโน้มก่อเหตุ 3จชต. ลด แต่ผู้ก่อเหตุยังมีศักยภาพ จำเป็นต้องขยาย "พ.ร.ก.ฉุกเฉิน" ครั้งที่ 62 อีก 3เดือน ยกเว้น 6 อำเภอ ด้าน "กอ.รมน. ภาค4" จัดทำแผนลดพื้นที่ประกาศใช้ รองรับการพัฒนา
เมื่อ 14 ธ.ค.63 ที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน ครั้งที่ 4/2563 โดยที่ประชุมได้รับทราบผลการปฏิบัติงานตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ระหว่างวันที่ 20 ก.ย.-12 พ.ย.63 ซึ่งภาพรวมมีสถานการณ์ที่ดีขึ้น เหตุการณ์การก่อเหตุร้าย มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ประชาชนในพื้นที่ได้รับการดูแล ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง พร้อมทั้งมีความเข้าใจในความจำเป็นของการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐ โดยได้ให้การสนับสนุน และให้ความร่วมมือ เป็นอย่างดี
พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม จากการประเมินสถานการณ์ด้านการข่าว พบว่าผู้ก่อเหตุความรุนแรงยังมีศักยภาพในการปฏิบัติการและยังมีสิ่งบอกเหตุที่จะก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงในรูปแบบต่างๆ ในพื้นที่ จึงยังมีความจำเป็นที่จะต้องคงการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ต่อไปอีก ทั้งนี้ ที่ประชุม ยังได้รับทราบเรื่องที่ กอ.รมน. ภาค4 จะดำเนินการ จัดทำแผน การปรับลดพื้นที่ การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงการส่งเสริมให้มีการสร้างงาน สร้างอาชีพ แก่พี่น้องประชาชน ในพื้นที่ด้วย
คณะกรรมการฯ ได้มีการพิจารณาเห็นชอบ ตามที่ กอ.รมน. ภาค 4 เสนอขอขยายระยะเวลาการประกาศ สถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยกเว้น อ.แม่ลาน ,อ.ไม้แก่น จ.ปัตตานี , อ.เบตง จ.ยะลา และ อ.สุไหงโก-ลก ,อ.สุคิริน , อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส ออกไปอีกเป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่ 20 ธ.ค.63 ถึง 19 มี.ค.64 (ครั้งที่ 62) เพื่อแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จชต.ให้มีความต่อเนื่อง และมีประสิทธิภาพต่อไป
นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร ได้สั่งการ กอ.รมน. และ สมช.ให้ร่วมกันจัดทำแผนการปรับลดพื้นที่ควบคุม เพื่อเตรียมรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจสังคม และส่งเสริมการสร้างงาน สร้างอาชีพให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ พร้อมกำชับ การแก้ไขปัญหาในพื้นที่จะต้องให้สอดคล้อง กับความต้องการของประชาชน อย่างแท้จริง และเน้นย้ำ สตช. และขอให้อัยการสูงสุด เร่งจัดตั้งสำนักงานคดีความมั่นคง ภาค9 และให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เป็นธรรมรวดเร็ว เพื่อเป็นการป้องกัน ป้องปราม ไม่ให้มีการก่อเหตุร้าย และ ช่วยดูแลรักษาความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สิน ของพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ให้เข้มงวดมาตรการป้องกันยาเสพติดในพื้นที่ ตามนโยบายของรัฐบาล ต่อไป
พล.อ.ประวิตร ยังได้กล่าวขอบคุณประชาชนที่มีความเข้าใจถึงความจำเป็นในการทำงานและให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐ ด้วยดี พร้อมกล่าวให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ซึ่งได้ทุ่มเท เสียสละการปฏิบัติงานได้อย่างดียิ่ง ให้สามารถบรรลุภารกิจ และมีความปลอดภัยกันทุกคน