กลยุทธ์ 'กลุ่ม 3 ช' ตุนพวก ทุกพรรค เล็งขยับยกแผง
เข้าตำรามีแต่พวก ไม่มีพรรค สำหรับ "ธรรมนัส" ที่มีเคล็ดวิชาดึงดูดให้ "ส.ส.พปชร." และ "ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน" มาอยู่ในอาณัติ เป็นฐานให้ใหญ่
“กลุ่ม 3 ช” ในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่ประกอบด้วย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ สันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง และ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.แรงงาน ถูกกล่าวขานถึงอย่างมาก หลังเสร็จศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ว่ากันว่า “ร.อ.ธรรมนัส” ขยับขึ้นเป็น “แกนนำหลัก” กุมเสียง ส.ส.พลังประชารัฐ ครบทุกภาคกว่า 40 ชีวิต จึงถือว่าเป็น “ก๊ก” หรือ กลุ่มการเมืองใหญ่ที่สุดใน พปชร.เวลานี้
ยังไม่นับรวม ส.ส.พรรคเล็ก แทบทั้งหมด และ “ส.ส.งูเห่า” บางส่วนใน “พรรคฝ่ายค้าน” ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ “ธรรมนัส”
การรวมทีมของ “กลุ่ม 3 ช.” ที่มี“ธรรมนัส” เป็นหัวขบวนใหญ่ ได้ใช้ “กลยุทธ์” สร้าง“พวก” ทั้งในพรรคนอกพรรค ให้มากเข้าไว้ เพราะแม้จะต่างพรรค แต่ย่อมดีเสมอ โดยเฉพาะในสถานการณ์ศึกซักฟอก
การที่ “ธรรมนัส” เป็นผู้ควบคุมเสียงในการโหวตลงมติของ พรรค พปชร.ก็ได้โชว์ขุมกำลังให้เห็นแล้ว โดยครั้งนี้ นอกจากจะหนีอันดับบ๊วยได้สำเร็จ คะแนนไว้วางใจยังฉลุยด้วยแต้มสูงสุดอันดับสอง 274 คะแนน เท่ากับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพปชร.
ที่สำคัญ ธรรมนัสยังได้คะแนนมากกว่าผู้นำรัฐบาล อย่าง “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เสียอีก
ดังนั้นเป้าหมายต่อไปของ “กลุ่ม 3 ช.” ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการขยับตัวเองจาก “รัฐมนตรีช่วยว่าการ” ขึ้นเป็น “รัฐมนตรีว่าการ” เท่านั้น
หากได้ขึ้นชั้น “รัฐมนตรีว่าการ” ถือว่าตอบโจทย์หลายอย่าง
1.สมฐานะของการเป็นผู้นำกลุ่มการเมืองใหญ่ ในพรรคพปชร.
2.ได้รับผิดชอบภารกิจที่ใหญ่ขึ้น สำคัญขึ้น มีบทบาทมากขึ้น
3.สามารถดูแลคนของตัวเองได้อย่างทั่วถึงมากยิ่งขึ้น
หากย้อนกลับไปในช่วงการฟอร์มคณะรัฐมนตรี หลังเลือกตั้ง 24 มี.ค.2562 ตำแหน่ง“รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม” เคยเป็นโควตาของ “ธรรมนัส” แต่ก็มีเหตุให้ต้องไปนั่ง“รมช.เกษตรฯ” มาถึงทุกวันนี้
ทั้งที่เก้าอี้ “รมว.ดิจิทัลฯ” เป็นที่หมายปองของ “ธรรมนัส” ไม่เคยเปลี่ยน ด้วยรูปแบบงานที่ตอบโจทย์บางเรื่องให้ทั้ง “ธรรมนัส” และ “พล.ต.อ.จักร์ทิพย์ ชัยจินดา” ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.
ขณะที่ อีก “2 ช.” ก็ไม่พอใจกับตำแหน่ง “รัฐมนตรีช่วย” อย่างที่เป็นอยู่
สถานการณ์จึงนำให้ทั้งหมดมารวมตัวกัน เพื่อเดินเกมไปถึงจุดมุ่งหมายได้เร็วยิ่งขึ้น
นอกจากการรวมพวก รวมเสียงให้ได้มากที่สุดแล้ว หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญ คือ การประกบ“พล.อ.ประวิตร” ทุกฝีก้าว เพื่อให้รู้ความเคลื่อนไหวของแกนนำกลุ่มอื่นในพรรค ที่เข้าพบพูดคุยได้เสมอ
ความใกล้ชิดของทั้ง 3 รัฐมนตรีช่วย กับพล.อ.ประวิตร จึงได้เปรียบ ไม่ว่าการเสนอความคิดเห็นหรือประสงค์สิ่งใด ก็มักได้รับการ “ตอบสนอง”
การปรับ ครม.ครั้งต่อไป จึงถูกจับตาว่า “กลุ่ม 3 ช” จะหน้าชื่นตาบาน ผงาดขึ้นชั้นรัฐมนตรีว่าการ “ยกแผง” ได้หรือไม่
ที่ไม่ควรประมาทกับการขยับของ 3 รัฐมนตรีกลุ่มนี้ คือแรงกระเพื่อมการเมือง ไม่เฉพาะในพรรคแต่อาจลามไปถึงรัฐบาล