ผบ.ตร.สั่งตั้งด่านจับเมาแล้วขับ1,200แห่ง-ลดอุบัติเหตุสงกรานต์
ผบ.ตร.สั่งตั้งด่านจับเมาแล้วขับ1,200แห่ง-ลดอุบัติเหตุสงกรานต์ วางเป้าลด 5 เปอร์เซ็นต์จากค่าเฉลี่ย 3 ปี พร้อมเสนอโครงการให้รางวัลตำรวจ โชว์ผลงานตัวเลขลดอุบัติเหตุ
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ปิยะ อุทาโย รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รอง ผบ.ตร. ประชุมมาตรการดูแลความปลอดภัยช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยมีข้าราชการตำรวจที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมด้วย ใช้เวลาในการประชุม 2 ชั่วโมง
พล.ต.อ.สุวัฒน์ เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า วันนี้ได้ประชุมร่วมกับ ผู้กำกับการ(ผกก.) ทั่วประเทศกว่า 1,400 แห่ง รวมหน่วยสนับสนุนต่างๆ อาทิ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตชด. ตำรวจทางหลวง ตำรวจท่องเที่ยว ได้เน้นย้ำเรื่องการกำกับดูแลควบคุมสั่งการของผู้บังคับบัญชาระดับสถานี การเตรียมการในช่วงนี้ คือ อำนวยความสะดวกจราจร และดูแลความปลอดภัย ทั้งคนที่เดินทางออกต่างจังหวัด และคนที่ฝากบ้านไว้กับตำรวจ ที่ผ่านมาได้ออกแผนรองรับสถานการณ์โควิด-19 ที่มาแทรกซ้อน
รวมไปถึงบางพื้นที่มีปัญหาลักลอบข้ามแนวชายแดน มีแรงงานต่างด้าวไปอยู่เป็นกลุ่ม เป็นสถานที่ท่องเที่ยว มีสถานบริการ เป็นแหล่งที่คนไปรวมตัวอยู่จำนวนมาก บางพื้นที่มีปัญหาเรื่องการจราจร อุบัติเหตุต่างๆ ซึ่งวันนี้เป็นการกำชับให้ทำตามแผน ผกก.แต่ละโรงพัก ต้องไปควบคุมกำกับดูแลการปฏิบัติหน้าที่ของลูกน้อง การเตรียมกำลังพล อุปกรณ์ ออกแผนคำสั่ง จัดคนลงไปปฏิบัติหน้าที่ การกำหนดตัวชี้วัด
พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า ปีนี้ทางรัฐบาลตั้งเป้าว่าอุบัติเหตุต่างๆ ต้องลดกว่าค่าเฉลี่ย 3 ปี ย้อนหลัง 5 เปอร์เซ็นต์ ในขณะเดียวกันเรื่องดูแลความปลอดภัย ซึ่งขณะนี้รัฐบาลได้ยืดอายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ควบคุมโควิด-19 ไปถึงสิ้นเดือนพฤษภาคม 2564 และมีมาตรการภาพรวมออกมา ตำรวจก็ต้องไปดูมาตรการต่างๆ เช่น เรื่องไม่ให้รวมตัวกันสาดน้ำ ปาร์ตี้โฟม
ขอฝากประชาชนว่า เพื่อความปลอดภัยในเรื่องป้องกันการแพร่ระบาดของโรค รัฐบาลก็ขอร้องว่า ไม่ให้มี ต้องไม่มีเรื่องการรวมตัวกันสาดน้ำ แต่เรื่องประเพณีรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ อนุญาตให้มีได้ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19 ซึ่งตำรวจต้องไปร่วมกับหน่วยงานฝ่ายปกครอง อาสาสมัครต่างๆ ไปกวดขันประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจ ตักเตือน ไม่ให้มีเหตุพวกนี้ แต่หากยังฝ่าฝืน ก็ต้องบังคับใช้กฎหมาย
พล.ต.อ.สุวัฒน์ ยังกล่าวถึงการตั้งจุดตรวจจุดสกัด ว่า เป็นมาตรการที่พยายามออกแบบขึ้นมาเพื่อแก้ไขจุดบกพร่องที่ผ่านมาในอดีต ตอนนี้ยังอยู่ช่วงทดลอง ปรับแก้ แต่ไม่ว่ามาตรการจะดีแค่ไหน หากคนพยายามหาช่องทุจริต ก็ยากที่จะป้องกันได้ เพราะฉะนั้นถึงเน้นว่า ผกก. สถานีต้องรู้นิสัยลูกน้องตนเอง ว่าใครเป็นแบบไหน แล้วหาวิธีแก้ไข
โดยที่ผ่านมาตำรวจไม่แม่นยำเรื่องข้อกฎหมาย ก็พยายามจะจัดสอบมาตรฐานตำรวจ ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการ หลายอย่างที่กำลังทำคิดว่าต้องดีขึ้นเรื่อยๆ ปีนี้ก็หวังว่าจะควบคุมอาชญากรรม และเรื่องความปลอดภัยด้านการจราจรได้ดีขึ้นกว่าเดิม รวมถึงมาตรการควบคุมโควิด-19 ด้วย
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า คาดการณ์ตัวเลขคนเดินทางออกต่างจังหวัดในช่วงเทศกาลสงกรานต์จะใกล้เคียงกับปี 2562 ขาออกช่วง 9-11 เมษายน คาดว่าประมาณ 3.5 ล้านคน ขากลับ 15-18 ประมาณ 3.7 ล้านคน ทั้งนี้คนเดินทางออกต่างจังหวัดจะมากกว่าช่วงปีใหม่ เนื่องจากเป็นวันหยุดยาว สำหรับการตั้งจุดตรวจช่วงสงกรานต์ จะเป็นไปตามนโยบาย ตร. คือ มีมาตรฐาน โปร่งใส ตรวจสอบได้
ทั้งนี้จะมีการเสนอตั้งด่านตามมาตรฐาน เฉพาะด่านเมา 1,200 จุด และจุดตรวจกวดขันวินัยจราจร 1,700 แห่ง โดย ผบ.ตร. ขยายประเด็นนี้ ว่า เวลาจะตั้งด่านต้องมาลงบันทึกในระบบก่อนทุกครั้ง เวลาลงไปแล้วจะเห็นแต่ละจุดอยู่ตรงไหนบ้าง ทำให้เห็นภาพ ยืนยันว่าจะไม่มีภาพตั้งด่านซ้ำซ้อน หรือเจอด่านทุกๆ 3 กิโลเมตร
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ทาง ผบ.ตร. ให้ความสำคัญสนองนโยบายรัฐบาลเรื่องลดอุบัติเหตุ จึงมีโครงการจะให้รางวัลตำรวจแข่งขันกัน ที่ 1-3 ในระดับกองบัญชาการ(บช.) โดยประเมินจากตัวเลขการลดอุบัติเหตุ และรางวัลที่ 1-3 จากจังหวัดที่ไม่มีการตายเกิดขึ้น มอบรางวัลช่วงปลายเดือน เมษายน ในการประชุมบริหารประจำเดือน
ด้านพล.ต.อ.มนู กล่าวว่า โครงการฝากบ้านช่วงสงกรานต์ปีนี้ รับฝาก 10 วัน ตั้งแต่ 9-18 เมษายน ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วย เพื่ออำนวยความสะดวกไม่ต้องเดินทางมาที่สถานีตำรวจ และคาดว่าจำนวนน่าจะเยอะกว่าช่วงปีใหม่ จากประมาณ 8,000 เป็น เกือบ 10,000 หลัง