'อัศวิน' สั่ง กทม.เร่งประสานโรงแรมตั้ง Hospitel รับผู้ป่วยโควิด-19 กลุ่มเฝ้าระวังอาการ
"อัศวิน" สั่ง กทม.เร่งประสานโรงแรมจัดตั้ง Hospitel รองรับผู้ป่วยโควิด-19 กลุ่มเฝ้าระวังอาการ-แพร่เชื้อได้
วันที่ 21 เม.ย. พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) เปิดเผยว่า จากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง กทม.ได้เตรียมความพร้อมเพื่อรองรับผู้ป่วยโควิดที่มีจำนวนมากขึ้น ตามแผนการรองรับระดับที่ 2 ในการจัดตั้งโรงพยาบาลโรงแรม หรือ Hospitel โดยเปลี่ยนโรงแรมให้เป็นพื้นที่เฝ้าระวังอาการ หรือ หอผู้ป่วยเฉพาะกิจสำหรับผู้ที่ไม่มีอาการหรือมีอาการเพียงเล็กน้อย ให้รักษาตัวในโรงแรมที่จัดหาไว้ให้ เพื่อให้โรงพยาบาลหลักมีเตียงเพียงพอรองรับผู้ป่วยที่มีอาการหนักได้อย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการติดต่อกับโรงแรมที่จะเข้ามาเป็นเครือข่ายกับโรงพยาบาลสังกัด กทม.
"สำหรับผู้ประกอบการโรงแรมในพื้นที่กรุงเทพฯ หากมีความประสงค์จะเข้าร่วมเป็นเครือข่ายกับโรงพยาบาล กทม. เพื่อปรับโรงแรมเป็น Hospitel สามารถแจ้งความประสงค์ได้ที่ฝ่ายสิ่งแวดล้อม สำนักงานเขตพื้นที่" ผู้ว่าฯกทม. กล่าว
พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า สำหรับการจัดตั้ง Hospitel เป็นการพัฒนาหอผู้ป่วยเฉพาะกิจนอกสถานพยาบาล โดยการขยายพื้นที่การดูแลรักษาผู้ป่วยหรือเพิ่มจำนวนเตียงรักษาอย่างรวดเร็วในระยะเวลาที่จำกัด เพื่อให้ผู้ป่วยโรคติดเชื้อที่สามารถดูแลสุขภาพตนเองได้ อาการไม่รุนแรง ไม่จำเป็นต้องอาศัยเวชภัณฑ์ อุปกรณ์ ครุภัณฑ์ทางการแพทย์ที่ชับซ้อน แต่ยังอยู่ในระยะที่สามารถแพร่กระจายเชื้อสู่ผู้อื่นได้ สามารถได้รับการดูแลโดยทีมบุคลากรทางการแพทย์ และป้องกันไม่ให้กลับไปแพร่กระจายเชื้อในชุมชน โดยหอผู้ป่วยเฉพาะกิจ Hospitel จะต้องผ่านการตรวจประเมินจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามเกณฑ์ที่กำหนด
ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวด้วยว่า สำหรับแนวทางการปรับโรงแรมเป็น Hospitel กทม.ได้ดำเนินการตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดว่า ต้องเป็นโรงแรมที่มีห้องพักมากกว่า 30 ห้องขึ้นไป มีเกณฑ์สำหรับโรงแรมที่จะเปลี่ยนเป็นหอผู้ป่วยเฉพาะกิจครอบคลุม 5 ด้าน ได้แก่
หมวด 1 โครงสร้างอาคาร และวิศวกรรมปลอดภัยพร้อมเครื่องปรับอากาศแยกส่วน
หมวด 2 บุคลากรทางการแพทย์ และ เจ้าหน้าที่สนับสนุนที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีเกี่ยวกับมาตรการด้านสุขภาพ
หมวด 3 ติดตั้งวัสดุ อุปกรณ์สำนักงาน และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็น
หมวด 4 ความพร้อมด้านเวชภัณฑ์และอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล
หมวด 5 มีสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรต่อชุมชนและระบบการจัดการของเสีย