เมื่อ '5ป' ลากเกมต่ออำนาจ เมินเสียงต้าน 'มันคือแป้ง'

เมื่อ '5ป' ลากเกมต่ออำนาจ เมินเสียงต้าน 'มันคือแป้ง'

เรื่องนี้ “ประยุทธ์-ประวิตร” รู้ดีถึงกระแสสังคมที่ไม่ยอมรับในตัว “ธรรมนัส” จะส่งผลต่อเสถียรภาพทางการเมืองภาพใหญ่แค่ไหน

บริบทการเมืองนับตั้งแต่ 22 ..57 มีหลายเรื่องที่ไม่คิดว่าจะได้เห็น ก็ได้เห็น หลายเรื่องที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้น มันก็เกิดขึ้น เนื่องจากโจทย์ใหญ่หลังการรัฐประหารครั้งหลังสุด ไม่มีอะไรสำคัญกว่าการอยู่ในอำนาจของคณะผู้ก่อการให้นานที่สุด

จากวันนั้น ถึงวันนี้ ดูเหมือนว่าผู้มีอำนาจจะทำได้ตามเป้าหมายระดับหนึ่ง แม้จะต้องเสียมิตรร่วมรบไปเพียงใดก็ตาม มันก็คุ้มที่จะเขี่ยให้พ้นทาง เพื่อทอดเวลาให้ได้อยู่ต่ออีกนานเท่านานและนับเวลาแล้วผู้กุมอำนาจกำลังจะอยู่ครบ 7 ปี และกำลังก้าวสู่ปีที่ 8

บนเส้นทางความเป็นนักการเมืองของพี่น้อง 3 ได้แก่บิ๊กป้อมพล..ประวิตร วงษ์สุวรรณบิ๊กป๊อกพล..อนุพงษ์ เผ่าจินดา และ พล..ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือบิ๊กตู่ ที่มีอำนาจเต็มไม้เต็มมือ คุมกลไกรัฐ โดยเฉพาะความมั่นคงอย่างเบ็ดเสร็จ เขียนรัฐธรรมนูญที่ถูกโจมตีว่าเอาเปรียบคู่ต่อสู้ทางเมือง กติกาดังกล่าวนับเป็นนั่งร้านที่สำคัญ

โดยหลังการเลือกตั้ง 24 มี..62 นอกจากตัวละครสำคัญอย่าง “3 แล้ว ยังมีตัวละครทางการเมืองเพิ่มเข้ามาเพิ่มอีก “2 คือ แป้ง..ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่ผู้คนรู้จักผ่านวลีมันคือแป้งในสภาฯ ระหว่างถูกฝ่ายค้านซักฟอกเมื่อต้นปี 63 กรณีต้องคำพิพากษาศาลออสเตรเลียเหตุเกี่ยวพันคดียาเสพติดในออสเตรเลีย

พร้อมๆ กับการเปิดแถลงข่าวของธรรมนัสว่า ตัวเองคือเส้นเลือดใหญ่ที่เอาเลือดไปหล่อเลี้ยงหัวใจรัฐบาล หากล้มตัวเองได้ รัฐบาลก็สั่นคลอน

สิ่งสำคัญคือธรรมนัสเป็นคนที่กุมความลับของ "พี่น้อง 3 เอาไว้มากที่สุดคนหนึ่ง ส่วน “3 ก็จำเป็นต้องเก็บไว้ใช้งาน อย่างน้อยก็ในสถานการณ์ขณะนี้ เพราะเรื่องบางเรื่อง คนอื่นๆไม่มีใครกล้าทำแบบสไตล์ลูกน้องคนนี้ และต้องไม่ลืม ระดับ “3 ย่อมรู้จุดตายของธรรมนัสเช่นเดียวกัน เพียงแต่จะลงมือเมื่อไหร่เท่านั้น

ขณะที่ แป๊ะพล...จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร. ยุค คสช.ที่อยู่ในตำแหน่งนานถึง 5 ปีหากเป็นยุคการเมืองปกติคงไม่มีโอกาสอยู่ยาวขนาดนั้น ก็เตรียมลงสมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. มีประวิตร-ธรรมนัสเป็นแบคอัพสุดตัว ถือว่าสมประโยชน์ โดยเฉพาะคนชื่อธรรมนัสที่ต้องการแสดงฝีมือให้เข้าตานาย หากดันจักรทิพย์เป็นผู้ว่าฯ กทม. สำเร็จ

แถมยังมีผลพลอยได้ในเรื่องขุมกำลัง เตรียมส่งคนของตัวเองไปมีบทบาทในการเมืองสนามนี้จะทำให้ธรรมนัสสยายปีกมากขึ้นในสมรภูมิสำคัญ

แม้ต้องเผชิญกับแรงต่อต้านจากสังคมอย่างหนักหน่วง ถึงวีรกรรมหนหลังของธรรมนัสที่ออสเตรเลีย จนทำให้สเปคแคนดิเดตผู้ว่ากทม. ของจักรทิพย์ที่มีธรรมนัสหนุนหลัง กลายเป็นตัวเลือกที่ไม่เข้าตา และไม่ตอบโจทย์คนกรุงฯ ที่คาดหวังสูง

เรื่องนี้ประยุทธ์-ประวิตรรู้ดีถึงกระแสสังคมที่ไม่ยอมรับในตัวธรรมนัสจะส่งผลต่อเสถียรภาพทางการเมืองภาพใหญ่แค่ไหน แต่การที่ต้องทนทู่ซี้ ประคับประคองกันไปแบบนี้ท่ามกลางวิกฤติศรัทธารอบด้านที่รุมเร้ารัฐบาลตั้งแต่ประเด็นการเมือง ที่เกิดความระส่ำระสายกันในพรรคร่วม วิกฤติโควิด-วัคซีน ความเดือดร้อนประชาชนทั่วทุกหัวระแหง และความไม่เชื่อมั่นต่างๆ ล้วนเป็นปัจจัยให้รัฐบาลนับถอยหลังอย่างเต็มตัว

หากคนเป็นผู้นำยังแข็งขืน ไม่ยอมปรับทัพ ปรับกระบวนท่า ดึงดันคิดว่า การผนึกกำลังของ “5 จะทำให้ต่อท่อครองอำนาจได้ยาวขึ้นอีกก็ต้องระวังติดกับดักตัวเอง อย่าลืมว่า คนไทยพร้อมลองของใหม่ตลอดเวลา !