เมื่อ '5ป' ลากเกมต่ออำนาจ เมินเสียงต้าน 'มันคือแป้ง'
เรื่องนี้ “ประยุทธ์-ประวิตร” รู้ดีถึงกระแสสังคมที่ไม่ยอมรับในตัว “ธรรมนัส” จะส่งผลต่อเสถียรภาพทางการเมืองภาพใหญ่แค่ไหน
บริบทการเมืองนับตั้งแต่ 22 พ.ค.57 มีหลายเรื่องที่ไม่คิดว่าจะได้เห็น ก็ได้เห็น หลายเรื่องที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้น มันก็เกิดขึ้น เนื่องจากโจทย์ใหญ่หลังการ “รัฐประหาร” ครั้งหลังสุด ไม่มีอะไรสำคัญกว่าการอยู่ในอำนาจของคณะผู้ก่อการให้นานที่สุด
จากวันนั้น ถึงวันนี้ ดูเหมือนว่าผู้มีอำนาจจะทำได้ตามเป้าหมายระดับหนึ่ง แม้จะต้องเสียมิตรร่วมรบไปเพียงใดก็ตาม มันก็คุ้มที่จะเขี่ยให้พ้นทาง เพื่อทอดเวลาให้ได้อยู่ต่ออีกนานเท่านานและนับเวลาแล้วผู้กุมอำนาจกำลังจะอยู่ครบ 7 ปี และกำลังก้าวสู่ปีที่ 8
บนเส้นทางความเป็นนักการเมืองของ “พี่น้อง 3 ป” ได้แก่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ“บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือบิ๊กตู่ ที่มีอำนาจเต็มไม้เต็มมือ คุมกลไกรัฐ โดยเฉพาะความมั่นคงอย่างเบ็ดเสร็จ เขียนรัฐธรรมนูญที่ถูกโจมตีว่าเอาเปรียบคู่ต่อสู้ทางเมือง กติกาดังกล่าวนับเป็นนั่งร้านที่สำคัญ
โดยหลังการเลือกตั้ง 24 มี.ค.62 นอกจากตัวละครสำคัญอย่าง “3 ป” แล้ว ยังมีตัวละครทางการเมืองเพิ่มเข้ามาเพิ่มอีก “2 ป ” คือ “ป แป้ง” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่ผู้คนรู้จักผ่านวลี “มันคือแป้ง” ในสภาฯ ระหว่างถูกฝ่ายค้านซักฟอกเมื่อต้นปี 63 กรณีต้องคำพิพากษาศาลออสเตรเลียเหตุเกี่ยวพันคดียาเสพติดในออสเตรเลีย
พร้อมๆ กับการเปิดแถลงข่าวของ “ธรรมนัส” ว่า ตัวเองคือเส้นเลือดใหญ่ที่เอาเลือดไปหล่อเลี้ยงหัวใจรัฐบาล หากล้มตัวเองได้ รัฐบาลก็สั่นคลอน
สิ่งสำคัญคือ “ธรรมนัส” เป็นคนที่กุมความลับของ "พี่น้อง 3 ป” เอาไว้มากที่สุดคนหนึ่ง ส่วน “3 ป ” ก็จำเป็นต้องเก็บไว้ใช้งาน อย่างน้อยก็ในสถานการณ์ขณะนี้ เพราะเรื่องบางเรื่อง คนอื่นๆไม่มีใครกล้าทำแบบสไตล์ลูกน้องคนนี้ และต้องไม่ลืม ระดับ “3 ป” ย่อมรู้จุดตายของ “ธรรมนัส” เช่นเดียวกัน เพียงแต่จะลงมือเมื่อไหร่เท่านั้น
ขณะที่ “ป แป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร. ยุค คสช.ที่อยู่ในตำแหน่งนานถึง 5 ปีหากเป็นยุคการเมืองปกติคงไม่มีโอกาสอยู่ยาวขนาดนั้น ก็เตรียมลงสมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. มี “ประวิตร-ธรรมนัส” เป็นแบคอัพสุดตัว ถือว่าสมประโยชน์ โดยเฉพาะคนชื่อ “ธรรมนัส” ที่ต้องการแสดงฝีมือให้เข้าตานาย หากดัน “จักรทิพย์” เป็นผู้ว่าฯ กทม. สำเร็จ
แถมยังมีผลพลอยได้ในเรื่องขุมกำลัง เตรียมส่งคนของตัวเองไปมีบทบาทในการเมืองสนามนี้จะทำให้ “ธรรมนัส” สยายปีกมากขึ้นในสมรภูมิสำคัญ
แม้ต้องเผชิญกับแรงต่อต้านจากสังคมอย่างหนักหน่วง ถึงวีรกรรมหนหลังของ “ธรรมนัส” ที่ออสเตรเลีย จนทำให้สเปคแคนดิเดตผู้ว่ากทม. ของ “จักรทิพย์” ที่มี “ธรรมนัส” หนุนหลัง กลายเป็นตัวเลือกที่ไม่เข้าตา และไม่ตอบโจทย์คนกรุงฯ ที่คาดหวังสูง
เรื่องนี้ “ประยุทธ์-ประวิตร” รู้ดีถึงกระแสสังคมที่ไม่ยอมรับในตัว “ธรรมนัส” จะส่งผลต่อเสถียรภาพทางการเมืองภาพใหญ่แค่ไหน แต่การที่ต้องทนทู่ซี้ ประคับประคองกันไปแบบนี้ท่ามกลางวิกฤติศรัทธารอบด้านที่รุมเร้า “รัฐบาล” ตั้งแต่ประเด็นการเมือง ที่เกิดความระส่ำระสายกันในพรรคร่วม วิกฤติโควิด-วัคซีน ความเดือดร้อนประชาชนทั่วทุกหัวระแหง และความไม่เชื่อมั่นต่างๆ ล้วนเป็นปัจจัยให้ “รัฐบาล” นับถอยหลังอย่างเต็มตัว
หากคนเป็นผู้นำยังแข็งขืน ไม่ยอมปรับทัพ ปรับกระบวนท่า ดึงดันคิดว่า การผนึกกำลังของ “5 ป” จะทำให้ต่อท่อครองอำนาจได้ยาวขึ้นอีกก็ต้องระวังติดกับดักตัวเอง อย่าลืมว่า คนไทยพร้อมลองของใหม่ตลอดเวลา !