ก้าวไกล ชง กมธ.สภาฯ ร่วมติดตามเงินที่ถูกฉ้อโกง 'ประสิทธิ์ เจียวก๊ก'
ก้าวไกล ชง กมธ. เชิญหน่วยงานร่วมติดตามเงินที่ถูกฉ้อโกงคืนเหยื่อ “ประสิทธิ์ เจียวก๊ก”
ที่พรรคก้าวไกลนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร โฆษกพรรคก้าวไกล นำกลุ่มผู้เดือดร้อนจากการฉ้อโกง และอดีตลูกจ้างของนายประสิทธิ์ เจียวก๊ก เข้ายื่นข้อมูลร้องเรียนต่อนางสาวศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะประธาน กมธ.การพัฒนาเศรษฐกิจ ของสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้ กมธ. ติดตามสอบถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับความคืบหน้าของคดีต่อไป
โดยนายวิโรจน์ เปิดเผยว่าตนได้ทำหนังสือถึงนางสาวศิริกัญญา ในฐานะประธาน กมธ. การพัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อดำเนินการเชิญหน่วยงานของกองทัพและหน่วยงานราชการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมหารือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดูแลคดีนี้ เบื้องต้นทราบว่าเป็นกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับเศรษฐกิจ หรือ ปอศ. และอาจไปถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ DSI ด้วย เพื่อหารือกันว่าจะทำอย่างไรให้กระบวนการอายัดทรัพย์สินเครือข่ายธุรกิจที่มีส่วนทำให้ประชาชนเสียหายให้มาอยู่ในกระบวนการชดใช้เยียวยาประชาชนให้มากและเร็วที่สุด
โดยณัฐพล พรหมเวช เปิดเผยว่าตนเป็นทนายความผู้รับมอบอำนาจจากกลุ่มผู้เสียหายมีมูลค่าความเสียหายรวมประมาณ 20 ล้านบาท ซึ่งเป็นความเสียหายของเงินในกระเป๋า เงินในอดีต เงินในปัจจุบัน และเงินในอนาคตด้วย เพราะว่าเครือข่ายของคุณประสิทธิ์ เจียวก๊ก มีการให้ผู้เสียหายต้องหยิบยืมกู้เงินจากธนาคารมาอีก มีการสอนว่าจะต้องทำอย่างไรถึงจะกู้ธนาคารได้ ใช้บัตรเครดิตอย่างไร แค่ละคนเป็นหนี้รวมราว 2-3 ล้านบาท
ทั้งที่หลายท่านอยู่ในวัยเกษียณแล้ว หลายคนเอารถเอาบ้านไปจำนองกับไฟแนนซ์ เพราะดอกเบี้ยต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยที่คุณประสิทธิ์สัญญาไว้ว่าจะให้ราวๆ 4-10% ต่อเดือน ทำให้ผู้หลงเชื่อเสียหายค่อนข้างมาก แต่ทั้งดอกเบี้ยบัตรเครดิต ดอกเบี้ยจำนอง แต่ทั้งรายได้ในภาวะเศรษฐกิจช่วงโควิด ทำให้เขาค่อนข้างสิ้นหวัง เพราะฉะนั้นถ้าเป็นไปได้ หน่วยงานหรือองค์กรใดที่สามารถนำเงินคืนให้ผู้เสียหายได้มากที่สุดเพื่อบรรเทาความเสียหาย ผมคิดว่าก็เป็นการดีต่อทุกคน
ส่วนทางนายวิมุตพงษ์ จันทร์แก้ว หนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่าเหตุผลที่ตนเชื่อมั่นใจตัวประสิทธิ์ และร่วมลงทุนเพราะว่าเชื่อโดยสนิทใจจากการค้นหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต ว่าเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ลงไปช่วยเหลือชุมชน และที่สำคัญคือเป็นจิตอาสา 904 ด้วย และผลตอบแทนที่ได้รับในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาก็เป็นตัวการันตีว่าธุรกิจไปรอดแน่ๆ โดยเฉพาะในช่วงโควิดที่ยังได้รับผลตอบแทนดี เราจึงลงเงินไปโดยไม่ถามสักคำว่าเอาเงินเราไปทำอะไร เราไม่เคยคิดเลยว่าถ้าเขาจ่ายช้าสัก 1-2 วันเราจะทำอย่างไร นี่จึงเป็นเหตุผลที่ตอนแรกเราไม่กล้าดำเนินคดีกับเขาแม้เขาจะปฏิเสธการจ่ายมาแล้ว 3 ครั้งก็ตาม
“อยากฝากบอกถึงทุกคนที่ได้รับความเสียหาย ว่าอย่ากลัวเลยครับ เงินที่ทุกคนหามาด้วยน้ำพักน้ำแรงอยู่ในนั้น ที่จะออกมาเรียกร้องสิทธิ์ของตัวเอง ไม่ว่าคลิปก่อนหน้านี้ที่เขาพูดอะไรกับท่าน ข่มขู่หรืออะไรก็ตาม ต้องกล้าออกมายืนอยู่ข้างเรา ต้องกล้าออกมาปกป้องสิทธิ์ของท่านเอง ขอบคุณครับ”
ส่วนทางนางสาวศิริกัญญา ตันสกุล ในฐานะประธาน กมธ.พัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่าคดีนี้ถือเป็นอาชญากรรมทางเศรษฐกิจที่มีผู้เสียหายจำนวนมาก สิ่งกมธ.พัฒนาเศรษฐกิจจะทำได้ คือการเรียกหน่วยงานกองทัพและราชการที่เกี่ยวข้องที่อาจจะได้รับบริจาคจากคุณประสิทธิ์ เจียวก๊ก มาก่อน เพื่อดำเนินการอายัดทรัพย์และกันไว้เป็นส่วนหนึ่งสำหรับผู้เสียหายได้
นอกจากตรงนี้แล้ว ทางผู้เสียหายได้พูดคุยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่ากระบวนการของคดีจะเป็นอย่างไรเพื่อให้มั่นใจได้ว่าเงินและความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นจะได้รับการชดใช้ชดเชยอย่างไร
สุดท้าย เรายังสามารถให้ความช่วยเหลือทางด้านกฎหมายจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค(สคบ.) หรือว่าธนาคารแห่งประเทศไทยที่จะเข้ามาคุ้มครองตรงนี้ได้ เพราะว่าความเสียหายไม่ได้เกิดเฉพาะกับลูกค้าที่ถูกล่อลวงให้เกิดการลงทุน แต่ส่วนหนึ่งก็เกี่ยวข้องกับการขายสินค้าและบริการ รวมถึงการตั้งสถาบันการเงินเป็นสหกรณ์ออมทรัพย์ด้วย ดังนั้นเราต้องมีอีกหน่วยงานที่ต้องเข้ามาช่วยเหลือทางด้านกฎหมายด้วย เพราะผู้เสียหายคือประชาชนที่ต้องการความช่วยเหลือส่วนนี้ด้วย
ส่วนขั้นตอนการดำเนินการหลังจากนี้ ศิริกัญญาเปิดเผยว่าได้รับเรื่องร้องเรียนแล้ว และจะเตรียมบรรจุวาระประชุม เพื่อส่งหนังสือเรียกเชิญไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดนี้ต่อไป ทั้งหน่วยงานที่รับบริจาคเงินจากเครือข่ายนายประสิทธิ์ เจียวก๊ก และหน่วยงานที่รับผิดชอบในการติดตามเงิน รวมทั้งหน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือทางด้านกฎหมายแก่ประชาชนด้วย
นางสาวศิริกัญญาเปิดเผยเพิ่มว่า คดีนี้มีความแยบยลมากกว่าคดีแชร์ลูกโซ่ทั่วไป เพราะมีการสัญญาให้ผลตอบแทนที่ประมาณ 5% ต่อเดือน ไม่ได้มีผลตอบแทนหวือหวาเหมือนกรณีแชร์ลูกโซ่อื่นๆ พร้อมทั้งมีโมเดลการบริหารจัดการเงินและธุรกิจ อย่างเช่นการบอกว่าจะนำเงินไปสนับสนุนวิสาหกิจชุมชนที่ผู้ลงทุนเองก็จะได้รับซื้อสินค้าในราคาถูกกว่าราคาสินค้าตามท้องตลาดด้วย อย่างไรก็ตามแม้คดีนี้ยังไม่เป็นที่สิ้นสุด คุณประสิทธิ์ยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ แต่นอกจาก ปปง. จะสั่งอายัดแล้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการรับบริจาคต่างๆ ก็สามารถอายัดเงินส่วนที่ได้ในทันทีก่อนที่จะถูกยักย้ายถ่ายเทจนไม่สามารถติดตามคืนให้ผู้เดือดร้อนได้ จึงอยากขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดร่วมกันช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนตรงนี้ด้วย