“เสรีรวมไทย”กังวลรัฐบาลขยายเพดานหนี้-หวั่นกู้เงินเพิ่มอีก
“เสรีรวมไทย”กังวลรัฐบาลขยายเพดานหนี้-หวั่นกู้เงินเพิ่มอีก ซัดใช้เสียงข้างมากสร้างบรรทัดฐานใหม่
นายปริเยศ อังกูรกิตติ รองโฆษกพรรคเสรีรวมไทย โพสต์เฟซบุ๊คส่วนตัว ภายหลังประชุมสภาผู้เเทนราษฎรได้มีมติอนุมัติพ.ร.ก.กู้เงิน 5 เเสนล้านบาทว่า การที่พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท ผ่านสภาในครั้งนี้ คงจะนำสิ่งที่น่ากลัวอีกหลายอย่างตามมา โดยเราต้องเข้าใจก่อนว่า ไม่ใช่ฝ่ายค้านไม่ต้องการช่วยประชาชน ถึงโหวตไม่ให้ผ่าน แต่ความเป็นจริงคือ การที่ ฝ่ายบริหารใช้วิธีการกู้เงินแบบนี้ มันจะกลายเป็นบรรทัดฐานใหม่ในอนาคต
“เมื่อเกิดวิกฤติการณ์ ผู้นำรวบอำนาจทุกอย่างมาอยู่ในมือ และเมื่อคิดจะทำอะไรที่ต้องใช้เงิน ก็เลือกกู้โดยไม่ต้องผ่านสภา โดยอาศัยความเห็นชอบทางกฏหมายที่เปิดช่องให้ทำได้ และหากโดนทักท้วงก็นำเข้าสภาโดยชิงอนุมัติไปก่อน เพราะการกู้เงินครั้งนี้เป็น พ.ร.ก. ไม่ใช่เป็น พ.ร.บ. ที่ต้องเอาเข้าสภา ในขณะเดียวกันหากโดนทักท้วงว่า ไม่สามารถจะกู้เพิ่มได้เพราะติดเพดานหนี้ ก็ใช้วิธีการปรับเพดานหนี้ให้สูงขึ้น โดยขอความเห็นชอบได้อีก เพราะกุมเสียงในสภาอยู่”
นายปริเยศ กล่าวต่อว่า การกู้โดยพ.ร.ก. และเอกสารห้าแผ่นนั้น ก็กลายเป็นว่ากู้เงินแบบไม่ต้องมีโครงการประกอบ เพราะอ้างถึงสภาวะการณ์ซึ่งหน้า ที่ต้องแก้ไขเร่งด่วน รวมถึงสามารถยืดหยุ่นโยนงบไปมาได้ โดยอ้างเหมือนกับการโยกงบประมาณก่อนหน้านี้ ซึ่งความเป็นจริงมันก็ไม่ใช่แบบนั้น เพราะว่าใน พ.ร.ก. รัฐสามารถโยกได้เลยโดยไม่ต้องผ่านสภา ต่างจาก การออกเป็นพ.ร.บ.เงินกู้ ตามที่ฝ่ายค้านพยายามจะทักท้วง
“เช็คเปล่าคือ คำจำกัดความที่พูดถึงกันเยอะมาก ซึ่งก็คงไม่ได้เกินความจริงมากนัก แต่ที่น่าอันตรายคือ หากงบ ที่โยกมาเพื่อกิจการการเมือง ใครก็ตรวจสอบไม่ได้ และนั่นก็จะเป็นเงินก้อนที่ทำให้เราต้องจมทุกข์ไปกับกลุ่มผู้นำกลุ่มนี้ไปอีกหลังเลือกตั้ง ซึ่งก็จะเสียเวลาชาติไปอีกหลายปี เห็นใจอนาคตประเทศจริงๆ"