“สุดารัตน์” เปิดตำราการเมือง อ่านเกมอำนาจ “3 ป.”
“เขาคงไม่ยุบสภาก่อนเดือน ต.ค.ปี 2565 เพราะสถานการณ์โควิด และความล้มเหลวเรื่องเศรษฐกิจ เขาจึงไม่ยุบสภา เพราะยุบสภาแล้วจะเสียเปรียบ หากมีการเลือกตั้งปลายปี 2565 หรือต้นปี 2566 จะดีกว่า โดย 250 ส.ว.ยังมีสิทธิ์ที่จะโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีอยู่อีกครั้ง"
ชื่อของ "คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์" โลดเล่นในวงการการเมืองมานาน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ออกมาตั้งพรรคของตัวเอง ในชื่อ “พรรคไทยสร้างไทย” ภายหลังต้องหันหลังให้กับ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี และพรรคเพื่อไทย
“คุณหญิงสุดารัตน์” ให้สัมภาษณ์รายการสุดกับหมาแก่ เนชั่นทีวี ช่อง 22 ดำเนินรายการโดย ดนัย เอกมหาสวัสดิ์ ออกอากาศเมื่อวันที่ 27 มิ.ย. โดยอ่านเกมการเมืองของ “3 ป.” จะอยู่จนครบวาระ หรือจะยุบสภา ไว้อย่างน่าสนใจ
โดยมองว่า 7 ปีที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รมว.กลาโหม พยายามทำทุกอย่าง เพื่อให้ตัวเองได้เปรียบทางการเมือง จึงฟันธงได้เลยว่ายังไม่ยุบสภาตอนนี้ แต่มีความเป็นไปได้ที่จะยุบสภาก่อนครบเทอมนิดหน่อย
“คงไม่ยุบสภาก่อนเดือน ต.ค.ปี 2565 เพราะสถานการณ์การบริหารโควิด การควบคุมโรค วัคซีน ความล้มเหลวเรื่องเศรษฐกิจ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์เป็นหัวหน้าทั้งสองทีม ทั้งศบค. ทีมเศรษฐกิจ ตอนนี้เขาจึงไม่ยุบสภา เพราะยุบสภาแล้วจะเสียเปรียบ หากมีการเลือกตั้งปลายปี 2565 หรือต้นปี 2566 ทำให้ 250 ส.ว.ยังมีสิทธิ์ที่จะโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีอยู่อีก 1 ครั้ง”
คุณหญิงสุดารัตน์ มองอีกว่า วันนี้ได้เงินกู้มาอีก 5 แสนล้านบาท งบประมาณรายจ่ายประจำปีอีกกว่า 3 ล้านล้านบาท เงินจำนวนมหาศาลที่อยู่ในมือ จึงมองว่าถ้าจะยุบสภาต้องรอให้วัคซีนเข้ามา ฉีดประชาชนให้ได้มากที่สุด ใช้งบประมาณลงพื้นที่ แต่งตั้งโยกย้ายอีกรอบ โดยจะให้ผ่านงบประมาณปี 2566 ก่อน เพื่อหว่านเงินลงไป เหมือนการซื้อเสียงล่วงหน้า
ส่วนจะมีเหตุแทรกซ้อน เช่น การบริหารสถานการณ์โควิดล้มเหลว เศรษฐกิจทรุดหนัก จะเป็นสาเหตุทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องยุบสภาก่อนหรือไม่นั้น คุณหญิงสุดารัตน์มองว่า “เขาไม่สนใจ ถ้าสนใจโควิดคงไม่หนักขนาดนี้ เศรษฐกิจคงไม่แย่ขนาดนี้ ดิฉันคิดว่าเขามองมิติการเมืองอย่างเดียว ถ้าเป็นเรามีเงินอยู่แสนล้าน เราไปเจรจากับสหรัฐอเมริกา ให้หรือไม่ ถ้าไม่ให้จะเอาไปรัสเซีย เราก็ใช้การทูตคุยกัน แต่นายกฯกลับบอกว่าติดต่อไปแล้ว แต่เขายังไม่ขาย ซึ่งมันเหมือนว่าไม่ได้ทุ่มเทเพื่อช่วยเหลือประชาชน”
“เขามองแต่เกมการเมือง ใช้วิธีการแจกเงินแบบโบราณ แจกโดยไม่ได้สร้างงาน สร้างรายได้ แจกแบบเลี้ยง หยอดน้ำข้าวต้ม จนคนไทยหมดแรงจากการบริหารงานแบบนี้”
ส่วนสาเหตุที่ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ สามารถอยู่แบบลากยาวได้ ทั้งที่มีแรงกดดันเกี่ยวกับการบริหารงานที่ผิดพลาด คุณหญิงสุดารัตน์ มองว่า “เขามั่นใจในอำนาจ เขาไม่ฟัง เขาไม่แคร์ คนที่ไม่ได้มาจากประชาชนโดยตรงก็จะไม่ได้รู้สึกว่าต้องแคร์ เขาคิดว่าเขามีกลไกอำนาจตามรัฐธรรมนูญ อาจจะมีกองทัพหนุน เขาจึงไม่แคร์ประชาชน”
“ถ้าเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ก่อนหน้านี้ที่มีม็อบออกมาชุมนุม อยู่กันไม่ไหวแล้ว สื่อว่าขนาดนี้ก็อยู่กันไม่ไหวแล้ว อันนี้สื่อต่อว่า เขาก็บอกว่าสื่อว่าอย่าต่อว่าเขา จึงมองว่าเขามั่นใจในอำนาจ และมั่นใจในกติกาที่เขาเขียน ดังนั้นประชาชนจึงทำอะไรเขาไม่ได้ กระแสนอกสภาก็ทำอะไรเขาไม่ได้ เพราะเขาใช้ระบบกลไกของราชการทุ่มเทเพื่อรักษาอำนาจของตัวเอง ส่วนตัวจึงมองว่ามันลำบากที่เขาจะรู้สึกว่าประชาชนไม่เอา เขาไม่น่ามีจิตสำนึกตรงนี้”
คุณหญิงสุดารัตน์ย้ำว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะยุบสภาในช่วงที่ได้เปรียบทางการเมืองมากที่สุด ได้ใช้งบประมาณอีก 2 ปี และปีหน้าจะกู้เงินเพิ่มเติมอีก เพื่อให้มีเงินหว่านอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งโยกย้ายข้าราชการให้อยู่ภายในมือเขาให้หมด
สำหรับกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ ออกมาบอกให้คณะรัฐมนตรีเร่งทำงานใน 1 ปีที่เหลืออยู่ คุณหญิงสุดารัตน์ มองว่า "เป็นบุคลิกของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่พูดโดยไม่ทันคิด แล้วเปลี่ยนไปมา อีกอย่างอาจจะต้องการลดกระแสจากสภาวะที่ทุกข์ยาก ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ รู้ว่าประชาชนไม่พอใจ เรารับรู้ได้ว่าวันที่พูดกับสมาชิกวุฒสภาว่าจะอยู่ครบเทอม คือตัวตนของ พล.อ.ประยุทธ์ พูดเสียงดังฟังชัด ความรู้สึกของพล.อ.ประยุทธ์ จริงๆ เขาพูดโดยไม่แคร์อะไร พดกับส.ว.เหมือนลูกน้อง ไม่ได้ให้เกียรติ ไม่ได้ให้ศักดิ์ศรี”
ส่วนเกมกับพรรคร่วมรัฐบาล ส่วนตัวมองว่า พล.อ.ประยุทธ์ รู้ว่าพรรคร่วมรัฐบาลไม่พร้อมที่จะยุบสภา เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ออกมาพูดไทม์มิ่งยุบสภา ทำให้พรรคร่วมรัฐบาลเงียบไปเลย เพราะทั้งพรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ ได้ดูแลกระทรวงสำคัญอยู่ในเวลานี้
ขณะเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ มีเงาของกองทัพคอยสนับสนุน จึงยากที่จะยุบสภา อย่าลืมว่า พล.อ.ประยุทธ์ มาจากเผด็จการที่อยู่ภายใต้เสื้อคลุมประชาธิปไตย เขาจะมองฝั่งประชาธิปไตยเป็นศัตรู ช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็น ผบ.ทบ. หากการเมืองมีปัญหาเขาจะปล่อยไปเลย แต่ตอนนี้เขาจะใช้กลไกของกองทัพมาปกป้องเขา
นอกจากนี้ คุณหญิงสุดารัตน์ยังมองถึงการปรับเปลี่ยนโครงการสร้างพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โดยปรับให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ มาดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรค พปชร.นั้น คิดว่าเขาต้องเตรียมพร้อม หากมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นเขาก็ต้องพร้อมที่สุด แต่ความตั้งใจที่จะยุบสภาคงไม่ได้ตั้งใจจะยุบสภา
สำหรับการวางเกมการเลือกตั้ง “ผู้ว่าฯกทม.” ของ “3 ป.” มองว่า "เขาคงอยากได้ แต่อาจจะยังไม่ลงตัว เนื่องจากมีคนอยากลงสมัครในนามของเขาหลายคน เกมอำนาจครั้งนี้เขาต้องการกินรวบ สนาม กทม.ก็สำคัญเขาจึงจะเอาให้ได้เหมือนกัน แต่การเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.น่าจะถูกเลื่อนออกไป ไม่น่าจะเลือกได้ภายในปีนี้ และหากข้ามปีนี้ได้ เงินเริ่มแจกหว่านแล้ว มันอาจจะเข้าจังหวัดเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.พอดี แต่เชื่อว่าการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.จะเกิดก่อนการยุบสภา”
อย่างไรก็ตาม หากผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ออกมาปรากฏว่า “3 ป.” แพ้การเลือกตั้ง จะส่งผลต่อการยุบสภาให้ต้องเลื่อนออกไปหรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์วิเคราะห์ว่า “ผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. อาจจะกระเทือน แต่เขาไม่สนใจ เพราะเขามองว่าสมการทางการเมืองในกทม.กับต่างจังหวัดต่างกัน”
ส่วนรายชื่อระหว่าง “บิ๊กวิน” พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯกทม. กับ “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร. “3 ป.” เลือกตั้งใครนั้น "ดิฉันไม่ค่อยแน่ใจในความสัมพันธ์ของคนมีสี ไม่แน่ใจว่าลุงทั้งหลายจะเลือกใคร แล้วลุงคนไหนใหญ่ว่าคนไหน คนหนึ่งอาจจะเข้าลุงหนึ่ง อีกคนอาจจะเข้าอีกลุงหนึ่ง"
คุณหญิงสุดารัตน์ ยอมรับว่าสำหรับสนาม กทม.พรรคไทยสร้างไทย สนใจที่จะลงชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม.เช่นกัน เพราะสนาม กทม.เป็นเมืองหลวง เราเห็นมาตลอดว่าเมืองหลวงไม่ได้มีคนที่บริหารจัดการเป็น ไม่ได้คิดว่าทำอย่างไรให้เมืองหลวงมีพลังอย่างจริงจัง
“ส่วนกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าดิฉันไม่กล้าลงสนาม กทม. เพราะเกรงว่าจะแพ้การเลือกตั้ง ดิฉันยืนยันว่าเราต้องเสนอตัว เราอาจจะเสียเปรียบที่เป็นพรรคใหม่ แต่การเสนอตัวให้ประชาชนมันเป็นหน้าที่ หากประชาชนเห็นว่าคนอื่นดีกว่าเราก็ต้องเคารพการตัดสินใจของประชาชน”
ทั้งหมดคือบทวิเคราะห์เกมแห่งอำนาจ “3 ป.” และบทบาทของพรรคไทยสร้างไทยในสนามเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.จากคุณหญิงสุดารัตน์ แม่ทัพของพรรคไทยสร้างไทย พรรคการเมืองน้องใหม่ ที่รวมนักการเมืองรุ่นเก๋า และเปิดรับรุ่นใหม่ เตรียมพร้อมลงสนามทุกเมื่อ