'4 กุมาร' คัมแบ็ค Thailand Future ปูทาง ตั้ง พรรคการเมืองใหม่
Thailand Future มีแนวโน้มสูงที่จะพัฒนาเป็นพรรคการเมือง ด้วยการโชว์จุดแข็งด้านเศรษฐกิจเป็นจุดขาย ซึ่งเป็นจุดอ่อนของรัฐบาลปัจจุบัน
นับเป็นจังหวะเคลื่อนไหวอย่างเป็นทางการอีกครั้ง สำหรับ “กลุ่ม 4 กุมาร” ที่เคยโลดแล่นบนสังเวียนการเมือง ด้วยบทบาทสำคัญ “ทีมเศรษฐกิจรัฐบาล” และเป็นผู้บริหารพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ชุดแรกเริ่มก่อตั้ง ประกอบด้วย “อุตตม สาวนายน” อดีต รมว.คลัง และอดีตหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” อดีต รมว.พลังงาน และอดีตเลขาธิการพรรค "สุวิทย์ เมษินทรีย์" อดีต รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และอดีตรองหัวหน้าพรรค และ “กอบศักดิ์ ภูตระกูล” อดีตรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และอดีตกรรมการบริหารพรรค
ทั้ง 4 คน ถือเป็นเด็กในคาถาของ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” อดีตรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจที่ดึงเข้าสู่สนามการเมืองในยุครัฐบาล คสช. จนมีตำแหน่งในฝ่ายบริหารกันถ้วนหน้า
จนกระทั่ง เจอเกมการเมืองภายในพรรคพลังประชารัฐกดดันจนต้องแยกทาง เก็บข้าวของออกจากพรรค หลังการเลือกตั้ง 24 มี.ค.2562 ผ่านไปไม่นาน
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาชื่อของกลุ่ม 4 กุมาร ก็ถูกพูดถึงมาเป็นระยะว่า กำลังซุ่มทำพรรคการเมืองใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง
การเปิดตัว Thailand Future ที่ปรับโฉมจาก “สถาบันอนาคตไทยศึกษา” อย่างเป็นทางการในวันนี้ 8 ก.ค.64 นำโดย “ดร.อุตตม” ในฐานะประธานที่ปรึกษาสถาบันฯ จะเชิญชวนประชาชนและทุกภาคส่วนมาร่วม มาพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิด มุมมองกับทีมงาน Thailand Future เพื่อมีส่วนร่วมในการสร้างอนาคตไทยด้วยกัน
พร้อมทั้งโชว์ให้เห็นการดึงเอาคนมีความรู้ความสามารถมาช่วยกันระดมสมองแก้วิกฤติบ้านเมือง ที่โดนโควิด-19 เล่นงานจนคนเดือดร้อนกันถ้วนหน้า พร้อมกับความจำเป็นต้องมองถึงอนาคตของประเทศไทย ในภาวะที่โลกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดดในแทบทุกมิติของสังคม
จะว่าไปแล้ว ก็เสมือนเป็นการเปิดตัวสร้างกระแส เริ่มทำอีเวนท์ ด้วยการดึงคนมีความรู้ความสามารถในแวดวงธุรกิจ เศรษฐกิจ มาช่วยกันระดมสมองหาทางออกให้กับประเทศ อาทิ “ณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์” อดีตที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี หลานชายอดีตรองนายกฯ สมคิด
“ธราธร รัตนนฤมิตร” ผู้เชี่ยวชาญเรื่องยุทธศาสตร์เชิงกลยุทธ์ “ประกาย ธีระวัฒนากุล” ผู้มีส่วนร่วมในการทำยุทธศาสตร์ ไทยแลนด์ 4.0 “ณภัทร จาตุศรีพิทักษ์” ผู้เชี่ยวชาญด้าน Data-driven public policy ด้วยเทคนิคทางเศรษฐมิติและมีประสบการณ์ให้คำปรึกษาองค์กรระดับชาติ บุตรชายอดีตรองนายกฯ สมคิด ร่วมคณะผู้บริหาร
ส่วนคณะที่ปรึกษามี “อุตตม” เป็นประธาน “สุพันธุ์ มงคลสุธี” ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เป็นรองประธาน ส่วนคณะกรรมการอื่นๆ ประกอบด้วย “จรีพร จารุกรสกุล” “วิเชฐตันติวานิช” “สมประวิณ มันประเสริฐ” “สุภรัฐ จิราธิวัฒน์” “โตมร ศุขปรีชา” “ธานี ชัยวัฒน์” “วีระชาติ กิเลนทอง” “โอฬาร วีระนนท์” “เอด้า จิรไพศาลกุล” “วิโรจน์ จิรพัฒนกุล” และ “อุกฤษ อุณหเลขกะ”
การขยับในช่วงเวลานี้ ที่หลายพรรคการเมืองต่างกำลังเตรียมความพร้อมสู่สนามเลือกตั้ง ย่อมถูกจับตาและคาดหมายว่า กำลังปูทางไปสู่การเปิดตัวพรรคการเมืองใหม่ในโอกาสต่อไป เพื่อเป็นอีกทางเลือกให้กับคนไทย โดยมีเวที Thailand Future เป็นจุดระดมสมอง คิด วิเคราะห์กลั่นกรองออกมาเป็นนโยบายหาเสียงต่อไปหรือไม่ ท่ามกลางโจทย์ใหญ่คือปัญหารายได้ ปากท้อง และทิศทางในอนาคตของไทยที่ควรจะเป็น
คนในแวดวงการเมือง มีการพูดถึงการตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่ โดย “อุตตม” และ “สนธิรัตน์” มาตลอดในช่วงที่ผ่านมา และดูเหมือนเป็นความมุ่งมั่นตั้งใจของทั้งสองคนด้วยเช่นเดียวกัน
หลังได้บทเรียนอันมีค่า และแสนเจ็บปวดในฐานะนักการเมืองหน้าใหม่ เมื่อครั้งร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ ประสบการณ์ตรงนั้น ถือว่ามีประโยชน์อย่างมหาศาลต่อการทำการเมืองในอนาคต เพราะได้รู้วิธีบริหารจัดการหลายสิ่งหลายอย่างให้เป็นไปได้ด้วยดี
ทว่า เที่ยวนี้ ชื่อของ “สุวิทย์ เมษินทรีย์” อาจไม่ปรากฎให้เห็นว่าเป็นหนึ่งในแกนนำของพรรคการเมืองใหม่ที่จะตั้งขึ้น ด้วยเหตุผลส่วนตัวบางอย่าง ที่อาจจะขอออกตัวช้า หรืออาจเข็ดขยาดกับวิถีการเมืองแบบที่เคยเจอมากับตัว
Thailand Future จึงถือเป็นจังหวะก้าวที่น่าสนใจ เพราะเป็นที่รวมของคนระดับมันสมองจากหลากหลายวงการ ที่มีแนวโน้มสูงจะพัฒนาเป็นพรรคการเมือง ที่โชว์จุดแข็งด้านเศรษฐกิจเป็นจุดขาย ซึ่งเป็นจุดอ่อนของรัฐบาลปัจจุบัน
ครั้งนี้ อุตตม และ สนธิรัตน์ ดูจะมีความพร้อมไม่น้อยไปกว่าการนำพลังประชารัฐสู้ศึกเลือกตั้งเมื่อปี 2562
ที่สำคัญ พรรคใหม่ที่จะตั้งขึ้นนั้น ย่อมหนีไม่พ้นเงาของ “สมคิด” ซึ่งเป็นคนที่ “อุตตม” รวมถึงอีกหลายคนให้ความเคารพนับถือ ไอเดียและแนวคิดของอดีตรองนายกฯ ที่เคยร่วมงานกับขั้วการเมืองที่ตรงกันข้าม ย่อมมีส่วนช่วยขับเคลื่อนพรรคอย่างมีนัยสำคัญ