‘คอมมิวนิสต์โมเดล-รธน.60’ ‘ม็อบ 3 นิ้ว’ ปักหมุด 7 ส.ค.

การนัดหมายชุมนุมใหญ่ของ “ม็อบ 3 นิ้ว” ที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันที่ 7 ส.ค.นี้ มีการจับตาไปที่การ “ยกระดับ” ในการขับไล่รัฐบาลประยุทธ์ ซึ่งจะครบกำหนดเส้นตาย7วัน นับจากวันที่1ส.ค.

ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเยาวชนปลดแอก หรือ Free YOUTH ที่นำโดย "ฟอร์ด" ทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี  และกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย Democracy Restoration Group - DRG โพสต์ข้อความเดียวกัน ประกาศการชุมนุมใหญ่

"ต้องสังเวยด้วยชีวิตของประชาชนอีกเท่าไร จึงจะสำเหนียกได้ว่าเวลาของประยุทธ์ได้หมดลงแล้ว ประเทศชาติ ณ เวลานี้ต้องการนายกฯ ที่ยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง 7 สิงหาคมนี้ #ม็อบ7สิงหา 7 สิงหาคมนี้ ทุบประตูบ้านเจ้าของxxxให้พาxxxกลับบ้าน”

ไม่ต่างไปจาก กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม นำโดย “เพนกวิน” พริษฐ์ ชิวารักษ์ ที่ประเมินว่า ในเดือนส.ค.ทิศทางการเมืองของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จะย่อยยับที่สุด เพราะประชาชนทั่วประเทศที่เดือดร้อนจะออกมาต่อต้าน เกิดปัญหาหลายๆ อย่าง และถือเป็นปฐมฤกษ์ในการต่อสู้

“นับจากวันนี้เป็นต้นไป พล.อ.ประยุทธ์ มีเวลาในการพิจารณาตัวเองว่ายังมีหน้าที่จะเป็นรัฐบาลต่อไปหรือไม่ 7 วัน ก่อนที่จะถึงการนัดหมายที่ทนายอานนท์ได้ประกาศไปแล้วคือ 7 สิงหาคม ถ้ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ไม่พิจารณาตัวเองเลย ประชาชนจะช่วยพิจารณาให้” เพนกวินระบุ

การถือเอาวันที่ 7 ส.ค.เป็นตัว “จุดกระแส” ม็อบในการยกระดับเพดานการชุมนุม เนื่องจากวันดังกล่าว ตรงกับวันครบรอบ 56 ปี  เหตุการณ์พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) เกิดการปะทะด้วยอาวุธปืนกับกองกำลังตำรวจฝ่ายรัฐบาลไทยอย่างรุนแรงเป็นครั้งแรกที่บ้านนาบัว อ.เรณูนคร จ.นครพนม 

นำมาสู่การเปิดประชุมคณะกรรมการกรมการเมืองในเดือน พ.ย.ในปีเดียวกัน ก่อนมีมติประกาศการต่อสู้ด้วยอาวุธในเขตชนบทอย่างเป็นทางการ เพื่อป้องกันตนเอง และตอบโต้การปราบปรามของฝ่ายรัฐบาล โดยให้ค่อยๆ เปิดทีละเขตงานตามเงื่อนไขที่เป็นไปได้ 

จากนั้นพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย จึงประกาศให้วันที่ 7 ส.ค.เป็นวัน “เสียงปืนแตก” นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

หากยังจำกันได้ ในช่วงการชุมนุมปลายปี 63 “ม็อบเยาวชนปลดแอก” เคยหยิบยกสัญลักษณ์ “ค้อนเคียว” ซึ่งเป็นรู้จักกันดีว่า คือสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของลัทธิคอมมิวนิสต์ พรรคคอมมิวนิสต์ หรือรัฐคอมมิวนิสต์ ต่างๆ ทั่วโลก ที่ถูกนำไปใช้ในธงชาติ ควบคู่ไปกับรูปดาวแดง และตราสัญลักษณ์ต่างๆ เพื่อสื่อไปถึงบุคคลในชนชั้นกรรมาชีพ และชนชั้นชาวนา เพื่อสร้างเอกภาพภาคเกษตรกรรม และภาคอุตสาหกรรมที่เป็นรากฐานสำคัญ

จนทำให้ “กลุ่มเยาวชนปลดแอก” ถูกวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานาว่า กำลังหันหลังให้ “ประชาธิปไตย” ด้วยการปลุก “พรรคคอมมิวนิสต์”  ในการต่อสู้กับ “รัฐบาลประยุทธ์”