'สุทิน'เชื่อกม.ปิดปากสื่อกระทบสถานะ'นายกฯ'แน่ ซัดอุกอาจออก'กม.นิรโทษฯ'
"ฝ่ายค้าน" ยื่น "ป.ป.ช." เอาผิด "ประยุทธ์" ออกข้อกำหนดปิดปากสื่อ มิชอบ เชื่อ ความผิดจะกระทบสถานภาพนายกฯ แน่ เป็นการถอดถอนผ่านคดีอาญา ซัด อุกอาจ เตรียม นิรโทษฯ เหตุ รู้กำลังทำผิด ท้า สู้ในกระบวนการปกติ ลั่น ฝ่ายค้าน ไม่รับกฎหมายนี้แน่นอน
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 10 สิงหาคม ที่สํานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตัวแทนพรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดย นายสุทิน คลังแสง ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย (พท.) นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ (ปช.) นายสงครามกิจเลิศไพโรจน์ ประธานยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อชาติ (พช.) นายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย และนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ เดินทางยื่นหนังสือถึง ป.ป.ช.ขอให้ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง และดำเนินคดีกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดรัฐธรรมนูญ กรณีออกประกาศฉบับที่ 29 ปิดปากสื่อ
โดยนายสุทิ นกล่าวว่า จากการที่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ออกข้อกำหนดที่ 29 ตามมาตรา 9 ของพ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้น เป็นเรื่องของการจำจัดเสรีภาพของสื่อ และข้อมูลข่าวสาร จนมีคณะบุคคลไปยื่นร้องต่อศาลทำให้ศาลแพ่งวินิจฉัยสั่งการให้คุ้มครองชั่วคราว เท่ากับข้อกำหนดนั้นไม่มีผลบังคับใช้ พวกเราฝ่ายค้านซึ่งมีหน้าที่กำกับการบริหารแผ่นดินของรัฐบาล เราก็ไปศึกษาคำวินิจฉัยของศาลแพ่ง และศึกษาเพิ่มเติม เห็นว่าการกระทำของนายกฯ และรัฐบาลมีความผิดอย่างน้อย 3-4 กระทงคือ
1.จำกัดสิทธิบุคคลในเรื่องเสรีภาพด้านข้อมูลข่าวสารตามมาตรา 36 ของรัฐธรรมนูญ
2.มาตรา 172 ของ พ.ร.บ.ปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
3.ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบให้บุคคลเสียหาย
และ 4.ประมวลจริยธรรม เมื่อเราเห็นดังนี้เราจะปล่อยปละละเลยไม่ได้ ดังนั้น จึงรวมกันมายื่นต่อป.ป.ช.ให้ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง และดำเนินคดีกับนายกฯ มีบทบาทหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ เมื่อวินิจฉัยแล้วพบว่ามีความผิดตามที่เราร้องก็ส่งเรื่องนี้ไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เมื่อศาลประทับรับฟ้องจะต้องมีการสั่งให้นายกฯหยุดปฏิบัติหน้าที่ หรืออื่นใดสุดแล้วแต่ศาล ซึ่งจุดหมายปลายทางจริงๆ เราเชื่อว่าเมื่อผิดตามข้อกล่าวหาทั้งหมดก็จะกระทบต่อสถานภาพของนายกฯแน่นอน ถือเป็นการถอดถอนผ่านทางคดีอาญา
นายพิจารณ์ กล่าวว่า การกระทำของ พล.อ.ประยุทธ์ครั้งนี้เห็นชัดว่าผิดประมวลจริยธรรมอย่างร้ายแรง เป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ของตนเอง ขณะที่ประชาชนกำลังประสบวิกฤติพล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ร่วมชะตากรรม หรือประสบวิกฤติกับเราเลย แต่กำลังประสบวิกฤติศรัทธาประสบวิกฤติที่ประชาชนขาดความเชื่อมั่นในรัฐบาล แต่สิ่งที่ท่านทำกลับคือการออกข้อกำหนดเพื่อปิดปากประชาชนและสื่อมวลชนที่เห็นว่ารัฐบาลล้มเหลวอย่างไร วัคซีน อุปกรณ์การแพทย์และยา จัดหาไม่มากพอ ทำให้ประชาชนเสียชีวิตทั้งที่ยังไม่ได้ตรวจด้วยซ้ำ แต่ พล.อ.ประยุทธ์กลับออกข้อกำหนดที่มาปิดปากไม่ให้ใครพูด ฝ่ายค้านเรารับไม่ได้ จึงดำเนินการเพื่อยุติพฤติกรรมของ พล.อ.ประยุทธ์
เมื่อถามว่า เมื่อศาลสั่งคุ้มครองแล้ว รัฐบาลควรดำเนินการอย่างไรกับข้อกำหนดนี้ นายสุทินกล่าวว่า นั่นสิ วันนี้เราก็แปลกใจว่าเมื่อศาลสั่งคุ้มครองมาหลายวันแล้วแต่รัฐบาลกลับนิ่งเฉยอยู่ ตนคาดหมายว่ารัฐบาลน่าจะมีปฏิกิริยาหรือมีการกระทำใดๆ ที่สอดรับ เช่น การยกเลิกข้อกำหนด แต่กลับไม่มีการยกเลิก แต่ที่สำคัญนอกจากผิดพลาดในการแก้ไขสถานการณ์แล้วยังออกข้อกำหนดมาปิดปาก วันนี้เราจะมายื่นเอาผิด ก็กำลังจะออกยกเลิก หรือนิรโทษกรรมให้กับตัวเองแบบสุดซอยอีก คือครบวงจร ไม่รับผิดชอบ แล้วหนีความผิดแบบครบวงจร จึงขอให้เราช่วยกันติดตามการออกกฎหมายนิรโทษกรรมสุดซอยให้ตัวเองพ้นผิดจากการบริหารสถานการณ์ครั้งนี้
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า การที่ศาลมีคำสั่งคุ้มครองแม้รัฐบาลจะไม่ยกเลิกเพิกถอนก็ไม่มีผลบังคับใช้ แต่หากศาลพิพากษาออกมาชัดจะยิ่งมัด ซึ่งคำพิพากษาจะเป็นประโยชน์ต่อการยื่นร้องในวันนี้ของฝ่ายค้าน และเป็นประโยชน์ที่เราจะใช้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะเป็นหลักฐานที่ชัดเจน อยากฟังว่าเขาจะตอบอย่างไร
เมื่อถามถึงท่าทีของฝ่ายค้านต่อการที่รัฐบาลเตรียมออก พ.ร.ก.นิรโทษกรรมให้กับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อวัคซีน นายสุทิน กล่าวว่า ตนคิดว่าไม่ใช่เฉพาะฝ่ายค้านที่รับไม่ได้ สังคมก็รับไม่ได้ เพราะการบริหารราชการผิดพลาด ล้มเหลวชัดเจน ฝ่ายค้านก็จะสู้เต็มที่ทุกวิถีทางและเชื่อว่าสังคมเองก็จะร่วมกันต่อสู้ เพราะจะเป็นการสร้างมาตรฐานที่ผิดพลาด และเป็นรัฐที่ไร้ซึ่งระบบนิติรัฐ นิติธรรมอย่างสิ้นเชิง ท่านทำแล้วนิรโทษกรรมให้ตัวเองแบบไม่มีเหตุผล ในกฎหมายปกติคุณก็สามารถต่อสู้และชี้แจงได้ ระบบมันเปิดให้ต่อสู้ได้
ด้าน นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ถ้าเราช่วยกันทำให้แท้งก่อนจะคลอดออกมาเป็น พ.ร.ก.จะเป็นประโยชน์มาก
เมื่อถามว่าหาก พ.ร.ก.นี้ออกมาจะเป็นชนวนความขัดแย้งทางการเมืองเหมือนในอดีตหรือไม่นายสุทิน กล่าวว่า เป็นไปได้สูง เพราะเป็นการกระทำที่อุกอาจต่อมาตรฐานของระบบนิติรัฐและนิติธรรมอย่างยิ่ง อย่าทำเลย เพราะจะกลายเป็นวิกฤติซ้อนวิกฤติ นายกฯกำลังหาปัญหาใส่หัวอีกในปมอื่น
เมื่อถามย้ำว่า การเตรียมออกกฎหมายแบบนี้แปลว่ารัฐบาลรู้ตัวว่าตัวเองกำลังทำผิดใช่หรือไม่นายสุทินกล่าวว่า ใช่ รู้ดี ถ้าไม่รู้ดีคงไม่ออก แต่วันนี้รู้ดีว่าตัวเองทำผิดพลาด และผลเสียหายปรากฏต่อสาธารณะแล้ว ก็ต้องดำเนินการไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ถ้าคุณบริสุทธิ์จริงคุณสามารถสู้ในกระบวนการปกติ และชี้แจงต่อประชาชนในสภาได้ ทั้งนี้ ฝ่ายค้านจะไม่รับกฎหมายนี้แน่นอนยังไม่ต้องดูเนื้อหาก็ได้ วิธีการนี้ไม่ควรนำมาใช้ในสภาวะแบบนี้ รับไม่ได้
พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า หากออก พ.ร.ก.นิรโทษจะไปกระทบต่อประชาชนที่เสียชีวิตจากโควิด เพราะเราพิสูจน์ให้เห็นว่า การปฏิบัติหน้าที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ ทางอาญา คือปล่อยให้มีความบกพร่อง ซึ่งเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐที่ละเลย วันนี้เรายื่นร้องให้ดำเนินการทางอาญาขณะที่รัฐบาลไม่มีการเยียวยาให้แก่ผู้เสียชีวิตจากความบกพร่องผิดพลาดในการบริหารของรัฐบาล