'ชัยเกษม' ชี้ 'ตำรวจ' ใช้กำลังปราบ 'ม็อบ' เข้าข่ายผิดม.157

'ชัยเกษม' ชี้ 'ตำรวจ' ใช้กำลังปราบ 'ม็อบ' เข้าข่ายผิดม.157

ชัยเกษม ออก จม.เปิดผนึก ให้ "รัฐบาล" ยอมรับความผิดพลาด หนุนประชาชนเรียกร้องสิทธิ ชี้ ตำรวจใช้ความรุนแรงปราบม็อบ เข้าข่ายผิดกฎหมาย

        นายชัยเกษม นิติสิริ แกนนำพรรคเพื่อไทย ออกจดหมายเปิดผนึกถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เพื่อเรียกร้องให้ รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ ยอมรับความจริงต่อการบริหารราชการแผ่นดินผิดพลาด หลังจากที่มีประชาชนเรียกร้องชุมนุม และถูกจับกุมดำเนินคดี อย่างไรก็ดีการจับกุมประชาชนผู้เรียกร้องประชาธิปไตยจำนวนมาก ตนมองว่ารัฐบาลและหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมต้องใช้กฎหมายอย่างยุติธรรม ยึดหลักนิติธรรมและเมตตาธรรมกับประชาชนเป็นสำคัญ โดยเฉพาะการให้ได้รับสิทธิทางกฎหมาย   ได้แก่ สิทธิการมีทนายความที่ปรึกษา สิทธิการปฏิเสธข้อกล่าวหา และสิทธิที่จะได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวเพื่อต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมายก็ต้องถูกกวดขันมิให้ใช้กฎหมายอย่างไม่เป็นธรรม หากมีการฝ่าฝืนต้องดำเนินการตั้งคณะกรรมการสอบสวนความจริง เพื่อดำเนินคดีแก่ผู้กระทำผิดอย่างจริงจังและเสมอหน้า

      "การดำเนินการของรัฐบาลต้องมองเห็นประชาชนทุกคนเป็นประชาชนคนไทยอย่างเท่าเทียม ไม่ใช่อริราชศัตรูที่ต้องถูกทำลายล้างจนหมดสิ้นราบคาบ หากรัฐบาลดำเนินการอย่างอุกอาจเหิมเกริม เห็นกฎหมายบ้านเมืองเป็นเพียงเครื่องมือทำลายล้าง เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารเป็นเพียงเบี้ยหมากใช้ เพื่อทำลายล้างประชาชนเช่นนี้ต่อไป ประชาชนที่จะเป็นกำลังสำคัญของชาติในภายภาคหน้าย่อมได้รับความเสียหาย ความน่าเชื่อถือของกฎหมายแผ่นดินหมดสิ้นไป สุดท้ายประเทศชาติอาจต้องตกอยู่ในกลียุค เหลือเพียงซากปรักหักพัง รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จะได้ชื่อจารึกว่าเป็นรัฐบาลทรราชที่ทำให้ประเทศตกต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย"นายชัยเกษม ระบุ 

 

         นายชัยเกษม ระบุอีกว่า รัฐบาลควรรับฟังเสียงเรียกร้องของประชาชนที่ให้รัฐบาลปรับปรุงแก้ไขการบริหารงานเพื่อให้ประชาชนปลอดภัยจากโรคระบาดร้ายแรง และช่วยเหลือเยียวยา แต่รัฐบาลกลับสั่งการใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจปะทะ จับกุมและดำเนินคดีกับประชาชน รวมถึงปรากฏภาพการกระทำที่เกินสมควรแก่เหตุ การปฏิบัติกับผู้ชุมนุมไม่เป็นไปตามขั้นตอน ไม่สอดคล้องกับมาตรฐานสากลที่ประเทศไทยลงนามในสนธิสัญญาว่าด้วยสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งอาจเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และมาตรา 200.