ย้อนคำสั่งศาล สั่ง'ธณิกานต์ ' หยุดปฏิบัติหน้าที่ส.ส. นัดไต่สวน11พ.ย.
ย้อนคำสั่งศาล สั่ง'ธณิกานต์ ' หยุดปฏิบัติหน้าที่ส.ส. นัดไต่สวน11พ.ย.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร แจ้งต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ถึงจำนวน ส.ส. ที่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ มี 482 คน
หลังจากที่ศาลฎีกามีคำสั่งรับคำร้อง คดีหมายเลขดำที่ คมจ. 2/2564 ระหว่าง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ผู้ร้อง ระหว่าง น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ ฐานะผู้คัดค้าน กรณีฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ไว้พิจารณา เป็นผลให้น.ส.ธณิกานต์ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.จนกว่าจะมีคำพิพากษา ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 235
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีดังกล่าว ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดแก่ ส.ส. 4 ราย ได้แก่ นายฉลอง เทอดวีระพงศ์ นายภูมิศิษฐ์ คงมี นางนาที รัชกิจประการ (ปัจจุบันเป็นอดีต ส.ส.) และน.ส.ธนิกานต์ พรพงษาโรจน์ ส.ส.กทม.พลังประชารัฐ ในความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172
จากกรณีถูกกล่าวหาว่ามีพฤติการณ์เสียบบัตรลงคะแนนแทนกัน ระหว่างการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท
ก่อนที่ป.ป.ช.จะยื่นคำร้องขอให้ศาลฎีกามีคำพิพากษา การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงให้ผู้คัดค้านหยุดปฏิบัติหน้าที่นับ แต่วันที่ศาลฎีการับคำร้องจนกว่าจะมีคำพิพากษาให้ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่งนับ แต่วันหยุดปฏิบัติหน้าที่เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้านและเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดเวลาไม่เกิน 10 ปีตามรัฐธรรมนูญ 60 มาตรา 235 พรป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561มาตรา87และมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระรวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินและหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561 ข้อ 6-8,11,17 และ 27
ศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่า คำร้องของผู้ร้องบรรยายพฤติการณ์ที่กล่าวหา พร้อมทั้งชี้ช่องพยานหลักฐานชัดเจนเพียงพอที่จะดำเนินกระบวนพิจารณาไต่สวนข้อเท็จจริงต่อไปได้และผู้ร้องดำเนินการตามระเบียบที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาว่าด้วยการพิจารณาพิพากษาคดีเกี่ยวกับการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง พ.ศ. 2561 ครบถ้วนแล้ว
จึงมีคำสั่งให้รับคำร้องของผู้ร้องเมื่อวันที่11ส.ค.ที่ผ่านมา
ส่วนที่ผู้คัดค้านยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งให้ผู้คัดค้านไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่นั้น เห็นว่ากรณีตามคำร้องของผู้คัดค้านยังไม่มีเหตุผลเพียงพอสมควรที่จะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่นโดยให้ผู้คัดค้านปฏิบัติหน้าที่ต่อไป จึงให้ยกคำร้องผู้คัดค้านย่อมต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีคำพิพากษาตามรัฐธรรมนูญ 60 มาตรา 235 วรรคสาม นัดพิจารณาครั้งแรกหรือไต่สวนพยานผู้ร้องในวันที่ 11 พ.ย.64 เวลา 9.30 น.
ทั้งนี้ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า คำร้องของผู้ร้องบรรยายพฤติการณ์ที่กล่าวหา พร้อมทั้งชี้ช่องพยานหลักฐานชัดเจนเพียงพอที่จะดำเนินกระบวนพิจารณาไต่สวนข้อเท็จจริงต่อไปได้และผู้ร้องดำเนินการตามระเบียบที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาว่าด้วยการพิจารณาพิพากษาคดีเกี่ยวกับการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง พ.ศ. 2561 ครบถ้วนแล้ว
ศาลฎีกาจึงมีคำสั่งให้รับคำร้องของผู้ร้อง ส่วนที่ผู้คัดค้านยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งให้ผู้คัดค้านไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่นั้น เห็นว่ากรณีตามคำร้องของผู้คัดค้านยังไม่มีเหตุผลเพียงพอสมควรที่จะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่นโดยให้ผู้คัดค้านปฏิบัติหน้าที่ต่อไป จึงให้ยกคำร้องผู้คัดค้านย่อมต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีคำพิพากษาตามรัฐธรรมนูญ 60 มาตรา 235 วรรคสาม นัดพิจารณาครั้งแรกหรือไต่สวนพยานผู้ร้องในวันที่ 11 พ.ย.64 เวลา 9.30 น.