"พลังประชารัฐ" ไม่มี "ประยุทธ์" เสี่ยงเป็นพรรคต่ำสิบ "ประวิตร" ไปต่อยาก?

จับกระแสการเมืองร้อน วิเคราะห์เจาะลึก "พลังประชารัฐ" หากไม่มี "ประยุทธ์ จันทร์โอชา" เสี่ยงเป็นพรรคต่ำสิบ อาจทำให้ "ประวิตร วงษ์สุวรรณ" ไปต่อยาก? เช็คเปรียบเทียบ ส.ส. แบ่งตามรายภาคกับกระแสความนิยมของ "บิ๊กตู่" ที่ผ่านมา

ในสถานการณ์ความขัดแย้งภายในพรรคพลังประชารัฐ อันเนื่องจาก "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กับ "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ มีความเห็นไม่ตรงกันกรณีของ "ผู้กอง" ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค

ชั่วโมงนี้ ดูเหมือน พล.อ.ประวิตร จะคุมพรรคพลังประชารัฐเบ็ดเสร็จ จนมีข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ อาจจะต้องสร้างกองหนุนใหม่ไว้เป็นตัวขับเคลื่อนช่วงเลือกตั้งทั่วไปสมัยหน้า

มีคำถามว่า หาก พล.อ.ประวิตร ถือธงนำพลังประชารัฐ เดินหน้าสู่สนามเลือกตั้ง โดยไม่มี พล.อ.ประยุทธ์ จะเกิดอะไรขึ้น

เมื่อ 26 ก.ย. 2564 ศูนย์สำรวจความคิดเห็นนิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่องการสำรวจคะแนนนิยมทางการเมือง รายไตรมาส ครั้งที่ 3/2564

เฉพาะคะแนนนิยม พล.อ.ประยุทธ์ ร้อยละ 17.54 ลดลงจากการสำรวจ 2 ไตรมาสแรก แต่ยังคงเหนือกว่าคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ และพิธา ลิ้มเจริญรัตน์

ส่วนคะแนนนิยมพรรคพลังประชารัฐ ได้อันดับ 4 ร้อยละ 9.51 ซึ่ง ดร.สุวิชา เป้าอารีย์ ผู้อำนวยการศูนย์สํารวจความคิดเห็นนิด้าโพล อธิบายว่า คะแนนนิยมของพลังประชารัฐ คือคะแนนนิยมของ พล.อ.ประยุทธ์ หากวันข้างหน้า พลังประชารัฐไม่ชู พล.อ.ประยุทธ์ พรรคก็จะไม่เหลืออะไร

เมื่อย้อนกลับไปพิจารณาผลคะแนนการเลือกตั้งทั่วไป ปี 2562 ไล่เรียงในแต่ละภาค ก็จะเห็นสภาพความเป็นจริงทางการเมือง

อ่านข่าว : เกมต่อรองพปชร.-ปรับครม. ปัจจัย"ยุบสภาหรือลากยาว"  

'กรุงเทพมหานคร'

พรรคพลังประชารัฐ มี ส.ส.กรุงเทพมหานคร 12 คน ล้วนเป็นคนหน้าใหม่ ที่มากับกระแส "ความสงบจบที่ลุงตู่" ซึ่งสนามเมืองหลวง เป็นเรื่องของกระแสล้วนๆ

คลี่คะแนนดูทีละเขต ก็จะทราบว่า คะแนนของ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐนั้น ไหลมาจากผู้ที่เคยเลือกอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เช่นเดียวกัน คะแนนของ ส.ส.อนาคตใหม่ ก็เป็นคะแนนเดิมของอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย

ความผิดพลาดในเชิงยุทธศาสตร์หาเสียงของ ปชป. ได้กลายเป็นโอกาส และการแจ้งเกิดของ ส.ส.หน้าใหม่ พลังประชารัฐ 

'ภาคกลาง'

หลายคนอาจไม่คาดคิดว่า พรรคพลังประชารัฐ เป็นแชมป์ภาคกลางในการเลือกตั้งทั่วไปหนที่แล้ว โดยมี ส.ส. เขต 36 คน จากทั้งหมด 90 คน ส.ส.ภาคกลางของพลังประชารัฐ แยกออกเป็น 3 ประเภทคือ

1. ส.ส.บ้านใหญ่ ได้แก่สมุทรปราการ ของตระกูลอัศวเหม , สระแก้ว ของตระกูลเทียนทองและชลบุรี ของกลุ่มพลังชล 

2. ส.ส.สายซุ้ม ได้แก่ชัยนาท และราชบุรี ของกลุ่มสามมิตร , ฉะเชิงเทรา ของกลุ่มบ้านริมน้ำ รวมถึงสิงห์บุรี และสระบุรี ของกลุ่มเมืองสิงห์ (ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์) 

ทั้ง ส.ส.บ้านใหญ่ และสายซุ้ม ต่างมีฐานคะแนนส่วนตัว บวกกับกระแสรักประยุทธ์ จึงชนะคู่แข่งไม่ยาก

3. ส.ส.หน้าใหม่ ที่เป็นกลุ่มใหญ่ ได้รับอานิสงส์จากกระแสรักประยุทธ์ ในพื้นที่เพชรบุรี, กาญจนบุรี, สมุทรสาคร, นครปฐม และนนทบุรี 

ตัวอย่าง สนามเพชรบุรี ผู้รับผิดชอบคือ ชัยยะ อังกินันทน์ นายก อบจ.เพชรบุรี ที่วางตัวผู้สมัครหน้าใหม่ สู้กับแชมป์เก่าจาก ปชป. ผลปรากฏว่า กระแสรักประยุทธ์ ทำให้ กฤษณ์ แก้วอยู่ เขต 1 , สาธิต อุ๋ยตระกูล เขต 2 และสุชาติ อุสาหะ เขต 3 เอาชนะ อดีต ส.ส.เพชรบุรี ปชป. ชนิดหักปากกาเซียน

'ภาคเหนือ'

สำหรับพลังประชารัฐ สายเหนือ มี ส.ส.เขต 25 คน ส่วนใหญ่เป็น ส.ส.เหนือตอนล่าง ได้แก่ สุโขทัย, ตาก, กำแพงเพชร, พิจิตร, พิษณุโลก , นครสวรรค์ และเพชรบูรณ์ ยกเว้นเหนือตอนบน พะเยาและลำปาง

ส.ส.พลังประชารัฐ เหนือตอนล่าง ร้อยละ 80 เป็นอดีต ส.ส. ที่มีสังกัด ไม่ว่าจะเป็นซุ้มสามมิตร, ซุ้มกำแพงเพชร ,ซุ้มนครสวรรค์ และซุ้มเพชรบูรณ์

ที่เป็น ส.ส.หน้าใหม่ 2 จังหวัดคือ พิจิตร 3 คน และพิษณุโลก 2 คน ซึ่งกระแสรักประยุทธ์ เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้พวกเขาได้รับชัยชนะ

'ภาคอีสาน'

สนามเลือกตั้งภาคอีสาน พรรคพลังประชารัฐ ประสบความล้มเหลวมากที่สุด แม้จะมีอดีต ส.ส.หลายพรรค ย้ายมาลงสมัครเกือบร้อยคน แต่ส่วนใหญ่สอบตก

วันนี้ ส.ส.พลังประชารัฐ ภาคอีสาน มี 15 คน แยกเป็น ส.ส.เขต 12 คน และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 3 คน เฉพาะนครราชสีมา มี ส.ส.เขต 6 คน 

มีข้อน่าสังเกต พลังประชารัฐ มี ส.ส.นครราชสีมา 6 คน และชัยภูมิ 2 คน ซึ่งเป็นโซนอีสานล่าง ที่ได้กระแสรักประยุทธ์ (พ่อโคราชแม่ชัยภูมิ) มาช่วยเติมคะแนน จึงฝ่าด่านเพื่อไทยเข้าสภาได้ 

'ภาคใต้'

พรรคพลังประชารัฐ ภาคใต้ มี ส.ส.เขต 14 คน ล้วนเป็นคนหน้าใหม่ ซึ่งได้กระแสรักประยุทธ์อุ้มเข้าสภาฯ 

ชัยชนะของ พปชร.ภาคใต้ ก็คล้ายสนามเมืองหลวง คะแนนของอดีต ส.ส.ปชป. ไหลมาที่ผู้สมัคร ส.ส. ค่าย พปชร. อันเนื่องจากยุทธศาสตร์หาเสียงที่ผิดพลาดของ ปชป.

ถ้าวันข้างหน้า พล.อ.ประยุทธ์ จำต้องเลือกทางเดินของตัวเอง ย่อมส่งผลกระทบต่อพรรคพลังประชารัฐอย่างรุนแรง เมื่อผลคะแนนการเลือกตั้ง ปี 2562 ชี้ชัดว่า ส.ส.พลังประชารัฐ ล้วนขี่กระแสรักประยุทธ์เข้าสภาฯ 

แม้แต่ ส.ส.บ้านใหญ่ หรือสายซุ้ม ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า คะแนนนิยมของ พล.อ.ประยุทธ์ บวกกับฐานเสียงตัวเอง จึงเอาชนะคู่แข่งมาได้

หาก พล.อ.ประวิตร คิดการใหญ่ ไม่พึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จะขับเคลื่อนพลังประชารัฐ สู่สนามเลือกตั้ง ด้วยโมเดลเลือกตั้งซ่อม ก็เท่ากับพา พปชร. สู่ความเป็นต่ำสิบ