"ทูตอังกฤษ"เข้าพบ"นายกฯ"พร้อมสานต่อความสัมพันธ์ ยินดีไทยฉีดวัคซีนสำเร็จ
"มาร์ก กุดดิง" ทูตอังกฤษ ป้ายแดง เข้าพบ "นายกฯ" พร้อม กระชับความสัมพันธ์ สานต่อความร่วมมือ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมในทุกมิติ การเมือง เศรษฐกิจ การศึกษา ยินดีความสำเร็จการฉีดวัคซีนของไทย
ที่ห้องสีงาช้าง ทำเนียบรัฐบาล นายมาร์ก กุดดิง (H.E. Mr. Mark Gooding) เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในโอกาสเข้ารับหน้าที่ ภายหลังเสร็จสิ้น นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยสาระสำคัญ ดังนี้
นายกรัฐมนตรี กล่าวต้อนรับและยินดีที่ได้พบอย่างเป็นทางการในวันนี้ หวังว่าไทยและสหราชอาณาจักรจะใช้ประโยชน์จากกลไกความร่วมมือที่มีอยู่ให้เห็นผลสูงสุด ซึ่งไทยประสงค์ที่จะเพิ่มพูนการค้าและการลงทุน โดยเฉพาะด้านสุขภาพ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนในช่วงหลังวิกฤตโควิด-19 และหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะเร่งแสวงหาความร่วมมือเพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน
ด้านเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรฯ กล่าวขอบคุณและยินดีที่ได้มาดำรงตำแหน่งในประเทศไทย พร้อมได้นำความปรารถนาดีจากนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร นาย บอริส จอห์นสัน ถึงนายกรัฐมนตรี โดยไทยและสหราชอาณาจักรมีความสัมพันธ์ที่ดีกันในทุกระดับมาอย่างแน่นแฟ้นและยาวนานกว่า 400 ปี
โอกาสนี้ เอกอัครราชทูตฯ กล่าว ยืนยันที่จะกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น สานต่อความร่วมมือที่อยู่บนผลประโยชน์ร่วมกันให้เกิดผลเป็นรูปธรรมในทุกมิติ ทั้งด้านการเมือง การส่งเสริมมูลค่าการค้าและการลงทุน และความร่วมมือระดับภูมิภาค
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือในประเด็นต่างๆ ที่สำคัญ อาทิ
- ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะแสวงหาความร่วมมือที่เป็นประโยชน์กับทั้งสองประเทศ เช่นโครงสร้างพื้นฐาน ดิจิทัล นวัตกรรม สิ่งแวดล้อม และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยไทยและสหราชอาณาจักรยังเห็นร่วมกันว่า ทั้งสองประเทศเผชิญความท้าทายที่คล้ายคลึงกันเช่น สังคมผู้สูงอายุ และ digital disruption จึงทำให้ความร่วมมือทางด้านการศึกษาถือเป็นอีกหนึ่งความร่วมมือที่ทั้งสองฝ่ายควรเร่งเพิ่มพูนให้เห็นผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
- ประเด็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งทั้งไทยและสหราชอาณาจักรให้ความสำคัญโดยในระหว่างวันที่ 1-12 พฤศจิกายน 2564 สหราชอาณาจักรจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐภาคี กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (COP26) ครั้งที่26 ณ เมือง Glasgow นายกรัฐมนตรีใช้โอกาสนี้กล่าวขอบคุณสหราชอาณาจักรที่สนับสนุนความร่วมมือทวิภาคีในด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และไทยเดินหน้าการก้าวไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำและความยืดหยุ่นของสภาพอากาศ โดยมีเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงระหว่างร้อยละ 20-25 ภายในปี ค.ศ. 2030 และไทยอยู่ระหว่างการจัดทำยุทธศาสตร์ระยะยาวในการพัฒนาแบบปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำของประเทศไทย โดยในภาคพลังงาน ไทยมีนโยบายลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ (Carbon Neutrality) ภายในปี ค.ศ. 2065 - 2070
- ความร่วมมือด้านสาธารณสุข นายกรัฐมนตรียินดีที่บริษัท AstraZeneca เลือกไทยเป็นศูนย์กลางผลิตวัคซีนและจัดสรรวัคซีนโควิด-19 ของบริษัท AstraZeneca ในไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเอกอัครราชทูตฯ กล่าวยินดีกับความสำเร็จการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในประเทศไทย
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีได้ฝากความระลึกถึงไปยังนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร โดยทราบมาว่า เพิ่งมีการปรับคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ และได้อวยพรให้การบริหารงานแผ่นดินสำเร็จลุล่วงและประสบความสำเร็จด้วยดี