“นิพิฏฐ์” เปิดใจ 18 ปีฝ่ายค้าน ศึก ชิง”พัทลุง” ขยายแผล ปชป.?
หลังฉากความขัดแย้งที่พัทลุง “นิพิฏฐ์” เปิดใจ 18 ปีเป็นฝ่ายค้าน ขยายแผลเก่า ประเมิน “ศึกใน” ปชป. อยากชนะต้องคุยกันแบบ “พี่น้อง”
“รอยร้าว” ในพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เริ่มปริแตกให้เห็นกันอีกครั้ง พลันที่เริ่มมีการเปิดตัว “ว่าที่ผู้สมัคร” ส.ส. ของพรรค ในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในโซน “ภาคใต้” ในหลายพื้นที่
แต่ที่ “ร้าวลึก” หนีไม่พ้นพื้นที่ จ.พัทลุง เมื่อนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต ส.ส.พัทลุง และอดีตรองหัวหน้าพรรค ปชป. ดูแลรับผิดชอบภาคใต้ ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในลักษณะ “ตัดพ้อ” ถึงการวางตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พัทลุง ของ ปชป. “ขยายแผลเก่า” ปัญหาความขัดแย้งภายในพรรค นับตั้งแต่ปรับโครงสร้างผู้บริหารพรรคใหม่ภายหลังการเลือกตั้งเมื่อปี 2562
สำหรับ จ.พัทลุง ปัญหาอยู่ที่ เขต 2 พื้นที่เดิมของนายนิพิฏฐ์ ที่เจ้าตัวยืนยันจะไม่ลงในนาม ส.ส.เขต แต่จะไปลง ส.ส.บัญชีรายชื่อ ทำให้ผู้สมัครว่างลง จึงมีการเฟ้นหาตัวผู้สมัครลงแทน ทว่าท้ายที่สุด “บิ๊กเนม” ในพรรค เคาะชื่อ “ไม่ตรง” กับที่นายนิพิฏฐ์วางตัวไว้?
อ่านข่าว : ปัดเคลียร์ใจ “นิพิฏฐ์”! “จุรินทร์” คิดบวกคนแย่งลง ส.ส.ปชป.ชี้พรรคดีขึ้น
เบื้องลึกฉากหลังเรื่องนี้เป็นอย่างไร กรุงเทพธุรกิจ สัมภาษณ์พิเศษ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ถึงเงื่อนปมปัญหาดังกล่าว ดังนี้
นายนิพิฏฐ์ เล่าที่มาที่ไปว่า ก่อนหน้านี้เคยบอกนายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย และรองหัวหน้าพรรค รักษาการพื้นที่ภาคใต้ ไปแล้วว่า ตนไม่อยากลงเขต 2 แล้ว อยากลงแบบบัญชีรายชื่อ ดังนั้นจึงต้องหาผู้สมัครใหม่มาลงแทน ก็หายากอยู่พอสมควร ไม่ได้หาง่ายเหมือนแต่ก่อน จึงมีการเชิญนายนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง ที่เป็นส.ส.คนเดียวของพรรคในพัทลุง และ น.ส.สุพัชรี ธรรมเพชร อดีตส.ส.พัทลุง พรรค ปชป. มาหารือกันที่บ้าน 2 ครั้ง โดยดูแล้วว่ามีบุคคลหนึ่งสามารถลงสมัครรับเลือกตั้งในเขต 2 ได้ โดยนายนริศ และ น.ส.สุพัชรี เห็นด้วย จึงให้บุคคลดังกล่าวลงพื้นที่แนะนำพบปะประชาชนมาประมาณ 2 เดือน ได้เสียงตอบรับค่อนข้างดี
นายนิพิฏฐ์ เล่าอีกว่า เมื่อไม่กี่วันที่แล้ว นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค ปชป. ลงพื้นที่ จ.พัทลุง และได้เชิญ ส.ส.ปัจจุบัน และอดีต ส.ส.ภาคใต้ ไปทานข้าวตอนเย็น เบื้องต้นเมื่อตนไปถึงหัวหน้าพรรคยังไม่มา แต่มีนายนิพนธ์ และบรรดา ส.ส. กับอดีต ส.ส. มารออยู่ก่อนแล้ว หลังจากนั้นในวงประชุมได้พูดกันถึงเรื่องว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคใต้แต่ละจังหวัด โดยนายนิพนธ์บอกว่าจะทยอยเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครในแต่ละเขต และเมื่อหัวหน้าพรรคมา จ.พัทลุง ให้พรุ่งนี้เปิดตัวเสียเลย
“ผมแปลกใจว่าใน จ.พัทลุง มีใครไม่ลงหรือเปล่า จึงสอบถามนายนริศ และ น.ส.สุพัชรี ทั้ง 2 รายบอกว่าลงสมัคร ถ้าอย่างนั้นหมายความว่าเป็นการเปิดตัวเขตเลือกตั้งที่ 2 พื้นที่ผมใช่หรือไม่ แล้วจะเปิดได้อย่างไร เพราะยังไม่ได้บอกว่าที่ผู้สมัครเลย แต่นายนิพนธ์บอกว่า ไม่ใช่ จะเอานายนิติศักดิ์ ธรรมเพชร ลูกชายของนายวิสุทธิ์ ธรรมเพชร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) พัทลุง ซึ่งมาได้อย่างไรไม่ทราบ ไม่เคยรู้จัก ผมจึงถามไปยังนายนริศ และ น.ส.สุพัชรี ว่าตกลงเอาคนนี้หรือ แล้วที่ก่อนหน้านี้ตกลงคุยกันว่าเอาอีกคนหนึ่งหมายความว่าอย่างไร แต่ทั้งนายนริศ และ น.ส.สุพัชรี ไม่ตอบ ทำให้การประชุมวันนั้นมีความเห็นไม่ตรงกัน”
ส่วนกระแสข่าวที่ว่า นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร และอดีตหัวหน้าพรรค ปชป. โทรศัพท์มาเคลียร์ปัญหาเรื่องนี้แล้วนั้น นายนิพิฏฐ์ อธิบายว่า นายชวนไม่ได้โทรมา แต่เมื่อเกิดปัญหาเรื่องนี้ขึ้น ตนได้ปรึกษา ส.ส. และอดีต ส.ส.ภาคใต้ หลายคน แนะนำให้โทรหานายชวน จึงโทรไปกราบเรียนนายชวนว่า เกิดปัญหาความเห็นไม่ตรงกันเรื่องผู้สมัคร นายชวนแปลกใจว่า ทำไมไม่คุยกันก่อน แล้วท่านจะโทรศัพท์ไปสอบถามข้อเท็จจริงจากนายนิพนธ์ โดยสรุปคือขณะนี้ยังไม่มีการประกาศตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ใน จ.พัทลุง
ส่วนหลังจากนี้จะมีบทสรุปอะไรออกมาหรือไม่นั้น นายนิพิฏฐ์ ตอบว่า อยู่ที่ผู้บริหารพรรคว่าจะตัดสินใจอย่างไร ตนไม่ได้เป็นผู้บริหารพรรคแล้ว แต่มี ส.ส. และอดีต ส.ส.หลายจังหวัดโทรมาสอบถาม เรื่องเหล่านี้สมัยตนเป็นรองหัวหน้าพรรคไม่เคยเกิดขึ้น เพราะก่อนส่งผู้สมัคร อย่างน้อยเจ้าของพื้นที่ หรือผู้สมัคร หรือแกนนำชุมชน ประชาชน จะต้องมาคุยกันก่อน ถ้ามีผู้สมัคร 2 คน ให้ลงพื้นที่ทำโพลว่าใครเสียงดีกว่ากัน แต่ต้องคุยกัน
“ปัญหาของเรื่องนี้คือไม่มีการพูดคุยกัน เลยเห็นไม่ตรงกัน” นายนิพิฏฐ์ ย้ำถึงเงื่อนปมความขัดแย้ง
ส่วนสถานการณ์ในพื้นที่ จ.พัทลุง ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา เป็นพื้นที่แย่งชิงกันดุเดือด สถานการณ์หลังจากนี้จะเป็นอย่างไร นายนิพิฏฐ์ ประเมินว่า ในการเลือกตั้งปี 2562 พรรคภูมิใจไทยได้ ส.ส. ไป 2 จาก 3 เขต ใน จ.พัทลุง ขณะเดียวกันยังมี ส.ส.บัญชีรายชื่ออีก 2 คนที่เป็นคนพัทลุงด้วย โดยนางนาที รัชกิจประการ อดีต ส.ส.พรรคภูมิใจไทย เป็นแกนนำรับผิดชอบภาคใต้ เมื่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาคดีจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ ทำให้ต้องพ้น ส.ส. นั้น เท่ากับว่า ส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของพรรคภูมิใจไทยใน จ.พัทลุง อย่างมาก
“ถ้าในการเลือกตั้งครั้งหน้ามีการแข่งขันเกิดขึ้น พรรคภูมิใจไทยไม่น่าเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวแล้ว เพราะมีการพิสูจน์ฝีมือแล้วว่าทำหน้าที่ในสภาฯไม่ได้ เพราะถูกศาลฎีกาฯพิพากษา ทำให้ประชาชนเสียโอกาส คะแนนลดลงไปเยอะ เพราะฉะนั้นคู่แข่งสำคัญต่อไปคือพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)” นายนิพิฏฐ์ ยืนยัน
นายนิพิฏฐ์ ระบุด้วยว่า ต้องบอกชาวบ้านว่า โอเคแหละ เมื่อครั้งหนึ่งชาวบ้านอยากเปลี่ยนผู้แทน เราหยุดมานาน เมื่อเปลี่ยน ส.ส. แล้ว ประชาชนก็เห็นแล้วว่า ผลออกมาอย่างนี้ ผู้แทนฯไม่อาจทำหน้าที่ได้ การที่จะเลือกเข้าไปใหม่ มันต้องมีความมั่นใจจริง ๆ ว่า ผู้แทนฯทำหน้าที่แทนประชาชนได้ ตนอยู่กับประชาชนมาตลอด แม้ว่าประชาชนมีความรู้สึกว่า อยู่หลายปีไม่มีผลงานเท่าไหร่ แต่ประชาชนอาจลืมนึกไปว่า เราเป็นฝ่ายค้านเสียมาก 2 ใน 3 เป็นฝ่ายค้าน อย่างตนเป็นฝ่ายค้านถึง 18 ปี เป็นรัฐบาลแค่ 9 ปี
ส่วนสถานการณ์ในพรรค ปชป.พื้นที่ภาคใต้ จะมีการทวงคืนเก้าอี้ ส.ส.กลับมาได้หรือไม่นั้น นายนิพิฏฐ์ ออกตัวก่อนว่า ตนไม่ได้เป็นผู้บริหารพรรคแล้ว ไม่ได้เป็นรองหัวหน้าพรรคดูแลภาคใต้ เรื่องยุทธศาสตร์ไม่ควรพูด เพราะอาจไม่ตรงกับแนวนโยบายของพรรค
“แต่ถ้าจะให้ผมแนะนำในฐานะอดีตรองหัวหน้าพรรค ปชป. ดูแลพื้นที่ภาคใต้ยาวนานที่สุด อยากบอกนายนิพนธ์ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค รักษาการพื้นที่ภาคใต้ ว่า ท่านอาจใหม่ในการบริหารพรรคการเมือง เพราะไม่ง่าย ยากกว่าการบริหารบริษัท หรือธุรกิจ ถ้าให้แนะนำว่าในการเลือกตั้งอนาคตข้างหน้า ต้องมีการพูดคุยกันอย่างพี่อย่างน้อง เหมือนคนในครอบครัวเดียวกัน เพราะหลังจากผมออกมาแล้ว ปฏิสัมพันธ์ระหว่าง ส.ส. อดีต ส.ส. กับผู้บริหารพรรคมีน้อย สื่อสารกันไม่ค่อยตรง ส.ส. รู้สึกไม่ค่อยได้รับการชี้แนะ ไม่อบอุ่นเท่าไหร่ มีอย่างน้อย 80% โทรมาบ่นว่าหลังจากตนลาออก ไม่รู้จะคุยกับใคร ตอนนี้สื่อสารกับผู้บริหารไม่ค่อยถึง”
ทั้งหมดคือความในใจถึงเงื่อนปมปัญหา “ความขัดแย้ง” ในการวางตัวผู้สมัคร ส.ส. ในพื้นที่ จ.พัทลุง ที่กำลังบานปลายลุกลามออกไปหลายจังหวัดภาคใต้อยู่ตอนนี้