ก้าวไกลจองกฐินยื่นญัตติ "อภิปรายทั่วไป" จี้รัฐบาลระดมวัคซีนรับเปิดประเทศ
ก้าวไกลจองกฐินยื่นญัตติ "อภิปรายทั่วไป" พร้อมจี้รัฐบาลเร่งระดมวัคซีนรับเปิดประเทศ อย่างน้อยวันละ 1 ล้านโดส
นายชัยธวัช ตุลาธร เลขาธิการพรรคก้าวไกล แถลงว่า พรรคก้าวไกลเตรียมเสนอญัตติเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 เพื่อซักถามและเสนอแนะต่อรัฐบาล เนื่องจากที่ผ่านมาพรรคก้าวไกลได้ติดตามสถานการณ์ในสังคมอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านเศรษฐกิจ และการแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 ดังนั้นเมื่อมีการเปิดสภาจะเสนอที่ประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้านเพื่อเข้าชื่อเปิดอภิปรายทั่วไป
ส่วนการเปิดประเทศนั้นพรรคก้าวไกลเห็นด้วยที่รัฐบาลต้องมีเป้าหมายชัดเจนในการเปิดประเทศ แต่การจะเปิดต้องมีมาตรการชัดเจน รวมถึงปัญหาสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่สำคัญ ทั้งภาคเกษตร เรื่องหนี้สิน และการฟื้นตัวของผู้ประกอบการต่าง ๆ ที่รัฐบาลจะต้องเร่งแก้ปัญหา
นายวาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงการเปิดประเทศในวันที่ 1 พ.ย. ว่า ขณะนี้ปริมาณของผู้ที่ได้รับวัคซีนอย่างน้อย 2 เข็ม อยู่ที่ประมาณ 40% ของประชากร แต่ทั้งนี้ต้องพิจารณาว่าเป็นยอดจำนวนที่แท้จริงหรือไม่ และต้องพิจารณาว่าใน 40% นี้รวมกับผู้ที่ได้รับวัคซีนชนิดเชื้อตายที่ตนเคยอภิปรายไว้โดยการนำเอารายงานการวิจัยระดับโลกที่ระบุว่าอาจจะไม่เพียงพอ
ดังนั้นตนไม่แน่ใจว่ารัฐบาลใช้ตัวบ่งชี้อะไรให้คนไทย นักท่องเที่ยว ผู้ประกอบการ และนักลงทุนได้มีความมั่นใจ จึงเกิดความสงสัยว่าสิ่งที่รัฐบาลต้องการเปิดประเทศขณะนี้เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของใครบางคนที่ลั่นวาจาไปแล้วหรือไม่
ดังนั้นจึงขอเสนอไปยังรัฐบาลให้เร่งดำเนินการฉีดวัคซีนที่มีประสิทธิภาพให้ประชาชน โดยจะต้องดำเนินการฉีดจากนี้ให้ได้อย่างน้อยวันละ 1 ล้านโดส เร่งระดมทรัพยากรต่างๆ ทั้งจากภาครัฐและเอกชนเข้ามา รวมถึงนายกรัฐมนตรีจะต้องแก้ปัญหาให้ประชาชน ผู้ประกอบการ และนักลงทุนทั้งชาวไทยและต่างประเทศเห็นถึงความหนักแน่นของนายกรัฐมนตรี อย่าทำลักกะปิดลักกะเปิดว่าต้องการเปิดประเทศอย่างจริงจัง เพราะผู้ประกอบการกังวลในประเด็นนี้อยู่ ดังนั้นขอนายกรัฐมนตรีอย่าทำตัวแบบ “ขายผ้าเอาหน้ารอด”
ด้าน นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ตนได้เก็บข้อมูลความเดือดร้อนของประชาชนจากการลงพื้นที่ใน 1 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งมีปัญหาของประชาชนจำนวนมากที่จะต้องเร่งแก้ไข โดยเฉพาะเกษตรกรชาวนา ที่ขณะนี้มีปัญกาเรื่องราคาข้าวตกต่ำ ซึ่งต้นทุนการส่งออกเป็นปัญหาสำคัญของการส่งออก และทำให้ราคาข้าวในประเทศตกต่ำ
จึงทำให้รัฐบาลต้องอัดฉีดเงินเข้าไปในมาตรการต่าง ๆ นอกจากนี้รัฐบาลจะต้องเร่งแก้ปัญหาเรื่องของค่าครองชีพของประชาชน ที่ปัจจุบันมีการขยับตัวสูงขึ้นจากการปรับขึ้นราคาในภาคอุปโภคบริโภค ไม่ว่าจะเป็นราคาน้ำมัน ค่าทางด่วน และค่าโดยสารรถไฟฟ้า