"ปชป."ตีปี๊บผลงาน2ปี"จุรินทร์"โดดเด่นเป็นรูปธรรม เข้าใจศก. วิชั่นทันสมัย
"ปชป." เผย ผลงาน "จุรินทร์" 2ปี โดดเด่น เป็นรูปธรรม วิสัยทัศน์ทันสมัย เข้าใจศก.เป็นอย่างดี แนะ รัฐเพิ่มขีดความสามารถด้านดิจิทัลให้ SMEs เพิ่มสมรรถนะการแข่งขัน จี้ คลัง ขยายโอกาสเข้าถึงแหล่งทุน
นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรค และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจทันสมัย และนางดรุณวรรณชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงผลงาน 2 ปี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีความโดดเด่น มีวิสัยทัศน์ทันสมัยในการขับเคลื่อนนโยบาย อีกทั้งเข้าใจเรื่องเศรษฐกิจเป็นอย่างดี ทำให้บริหารงานเกิดประสิทธิภาพมีผลงานจับต้องได้เป็นรูปธรรม โดยเฉพาะการช่วยเหลือกลุ่มผู้ประกอบการให้แข็งแกร่ง สร้างโอกาสการเติบโตและช่วยให้เข้าถึงแหล่งเงินทุน
นายปริญญ์ กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจช่วงและหลังโควิดจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วขึ้นและหันมาใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลมากขึ้น ดังนั้น รัฐจึงต้องช่วยเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับวิสาหกิจชุมชนและ SMEs เพื่อให้ผู้ประกอบการมีองค์ความรู้ ทักษะ และสมรรถนะยุคใหม่ที่นําไปใช้เพิ่มรายได้ ลดต้นทุน และแข่งขันได้ในอนาคต
อ่านข่าว : พรรคไหนเปิดตัวไม่กังวล! ปชป.หนุน “จุรินทร์” นั่งนายกฯ ผลงานเป็นที่ประจักษ์
นอกจากนี้ปัญหาเรื่องการเข้าถึงแหล่งทุนของกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และผู้ประกอบการเอสเอ็มอียังคงเป็นอุปสรรคหลักในการประกอบธุรกิจ โครงการจับคู่กู้เงิน ของนายจุรินทร์ ที่ช่วยหาแหล่งเงินกู้เงื่อนไขพิเศษให้ร้านอาหารและเอสเอ็มอีส่งออก ช่วยกู้ได้ 4,512 ล้านบาท สามารถบรรเทาปัญหาการที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่ถูกและเป็นธรรมได้
“เอสเอ็มอีถือเป็นเส้นเลือดฝอยที่สำคัญที่จะหล่อเลี้ยงและสนับสนุนการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย ดังนั้น เราต้องต่อยอดโครงการดีๆ แบบนี้อย่างต่อเนื่อง และกระทรวงคลังควรขยายผลในการเจรจากับธนาคารพาณิชย์และรัฐวิสาหกิจ ให้มากขึ้นเพื่อเพิ่มโอกาสให้กับบรรดาผู้ประกอบการ” นายปริญญ์ กล่าว
ด้านนางดรุณวรรณ กล่าวว่า การตลาดถือเป็นเรื่องที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการเข้าถึงแหล่งทุน การที่นายจุรินทร์มีนโยบายช่วย SMEs และ Micro SMEs ในการพัฒนาศักยภาพและการตลาด ผ่านเครือข่ายธุรกิจ MOC Biz Club 12,873 ราย สำหรับต่างประเทศ โดยจัดให้มีโครงการพัฒนาศักยภาพ กิจกรรมการตลาด และรับคำปรึกษาด้านการค้าระหว่างประเทศ 73,230 ราย ถือเป็นการติดอาวุธให้ผู้ประกอบการมีองค์ความรู้ที่สอดรับกับเทรนด์และการเปลี่ยนแปลง
นอกจากนี้ยังมีการอบรมสร้างนักธุรกิจยุคใหม่ ผ่านการพัฒนาและส่งเสริมจากสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการยุคใหม่ (NEA) กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และกรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้สร้างนักธุรกิจใหม่ พร้อมกับติดอาวุธผู้ประกอบการในด้านที่สำคัญ ได้แก่ 1)ด้านความรู้พื้นฐานการค้าระหว่างประเทศ 2)ด้านการสร้างช่องทางตลาด 3)ด้านการสร้างความเข้มแข็งให้ผู้ส่งออกและเครือข่าย 4)ด้านเศรษฐกิจกระแสใหม่ รวมถึงการสร้างนักธุรกิจใหม่และพัฒนาด้านการค้าดิจิทัล
“นายจุรินทร์มีผลงานที่โดดเด่นมาก ไม่เพียงแต่การช่วยแก้ปัญหาให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเท่านั้น แต่ยังช่วยเหลือภาคส่วนต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดีแม้ในภาวะวิกฤติ แต่มีตัวเลขการส่งออกสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์พิสูจน์ให้เห็นถึงความตั้งใจและความเข้าใจในเรื่องเศรษฐกิจอย่างแท้จริง และยังสร้างโอกาสพร้อมติดอาวุธให้กลุ่มเอสเอ็มอีเพื่อให้เดินหน้าต่อไปได้ทันทีภายหลังวิกฤตคลี่คลาย” นางดรุณวรรณ กล่าว
ทั้งนี้ นโยบาย “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด” ที่ใช้การตลาดนําการผลิตถือเป็นสิ่งที่ดีและสามารถใช้ศักยภาพของทูตพานิชย์ที่มีในหลายประเทศทั่วโลกได้อย่างเต็มที่ โดยที่กระทรวงพาณิชย์ได้ลองทํากระบะทรายและนำ “Big Data” มาบริหารจัดการข้อมูลความต้องการของตลาดโลกเพื่อผลิตสินค้าที่ชาวโลกต้องการ ดังนั้น จึงควรขยายผลการใช้นวัตกรรม “Big Data” เพื่อให้ผู้ผลิตมีข้อมูลที่แม่นยำมากขึ้น และมีการทำงานสอดรับกันกับกระทรวงเกษตรฯ เพื่อให้บริหารจัดการข้อมูลด้านการผลิตให้เชื่อมเข้าด้วยกัน รวมถึงเปิดให้สาธารณชนได้เข้ามาใช้ OpenGov เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดจาก GovTech
นายปริญญ์ กล่าวเสริมในตอนท้ายด้วยว่าแม้การค้าโลกยังคงมีความท้าทาย แต่ประเทศไทยสามารถเพิ่มบทบาทการเป็นผู้นำในภูมิภาคได้หลังจากความสำเร็จของ RCEP เมื่อปีที่แล้วและกําลังลงสัตยาบัน เพื่อเพิ่มเขตการค้าเสรีและโอกาสในการรับการลงทุนระยะยาวจากนักลงทุนต่างชาติที่มีคุณภาพ ทั้งหมดนี้จึงถือเป็นการแสดงความสามารถของนายจุรินทร์ ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ทำหน้าที่ในการกำกับดูแลงานที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี