ไม่เคยกลัวกระทู้ถามสด! “จุรินทร์” ให้ “พิเชษฐ์” ถามใหม่สัปดาห์หน้า
“จุรินทร์” ให้ “พิเชษฐ์” ตั้งกระทู้ถามสดสัปดาห์หน้า ไม่ต้องโปรยข้าวในสภา ระบุเป็นนักการเมืองระบอบประชาธิปไตย ไม่เคยกลัวว่าจะตอบกระทู้ถามสดไม่ได้
เมื่อวันที่ 4 พ.ย. 2564 ที่ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย โปรยข้าวในการประชุมสภาในช่วงการกระทู้ถามสดว่า เหตุที่ตนไม่สามารถไปตอบกระทู้สดวันนี้ได้ เพราะมีการประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งตนมีความจำเป็นที่จะต้องเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี เพราะเป็นภารกิจสำคัญอีกภารกิจหนึ่งเช่นเดียวกัน และขณะเดียวกันวันนี้ก็มีวาระที่เกี่ยวข้องกับการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีด้วย ซึ่งตนมีความจำเป็นที่จะต้องเข้าร่วมประชุม ทั้งหมดนี้ก็เพื่อประโยชน์ของเกษตรกรผู้ปลูกข้าว
“ผมและรัฐบาลก็เห็นความสำคัญกับเรื่องนี้ ถ้าท่านพิเชษฐ์เห็นความสำคัญ ผมก็เห็นความสำคัญเช่นเดียวกัน และถ้าจะตั้งกระทู้ถามสดอีกครั้งในสัปดาห์หน้า ผมก็ยินดีที่จะไปตอบ เพราะผมเป็นนักการเมืองในระบอบประชาธิปไตย ไม่เคยกลัวสภา และไม่เคยกลัวว่าจะไปตอบกระทู้ถามสดของใครไม่ได้ แม้แต่กระทู้ถามสดของคุณพิเชษฐ์ ผมก็ตอบได้แน่นอนไม่ต้องห่วง เพียงแต่ว่ามันมีการประชุม ครม. เกิดขึ้นเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นขอให้ถามใหม่ในสัปดาห์หน้า แล้วผมจะไปตอบ ไม่ได้มีปัญหา ไม่ต้องเอาข้าวไปโปรยในสภาโดยไม่จำเป็นหรอก ผมยินดีตอบอยู่แล้ว เพียงแต่ครั้งนี้เป็นกรณีพิเศษ ท่านนายกไปประชุมเมืองนอก ก็เลยประชุมวันอังคารไม่ได้ ต้องเลื่อนมาประชุมวันพฤหัส ก็มาตรงกับวันที่มีกระทู้ถามเท่านั้นเอง” รมว.พาณิชย์กล่าว
นายจุรินทร์ กล่าวด้วยว่า เราช่วยเกษตรกรผู้ปลูกข้าวเยอะในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการเร่งรัดการส่งออก ซึ่งครึ่งปีหลังของปีนี้การส่งออกข้าวจะเพิ่มมากขึ้น และจะมีส่วนช่วยในการผลักดันราคาข้าวในประเทศ วันนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้พิจารณาให้ความเห็นชอบ และรับทราบมาตรการในการที่จะช่วยให้โรงสี สหกรณ์ หรือเกษตรกร สามารถเก็บข้าวไว้ในสต็อกระยะหนึ่งได้โดยช่วยเหลือดอกเบี้ย 3% บ้าง โดยช่วยค่าเก็บสต็อกตันละ 1,500 บาทบ้าง เพื่อไม่ให้ข้าวออกสู่ตลาดมากจนเกินไป และทำให้ข้าวราคาตก และถ้าหากข้าวราคาตกลงมาเหมือนสภาพที่เป็นอยู่ขณะนี้ในบางพื้นที่ หรือบางชนิด ก็ยังมีนโยบายประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ที่จะช่วยจ่ายเงินส่วนต่างชดเชย เช่น ถ้าปลูกข้าวเปลือกเจ้า จะประกันรายได้ตันละ 10,000 บาท หากราคาข้าวตกลงมาเหลือ 7,000 ก็จะมีส่วนต่าง 3,000 เกษตรกรจะมีหลักประกันว่า นอกจากต้องเอาข้าวไปขายในตลาด 7,000 แล้ว เขายังจะได้ส่วนต่างอีก 3,000 รวมแล้วก็จะเป็น 10,000 อย่างที่ประกันรายได้ไว้
“สิ่งนี้เป็นนโยบายที่รัฐบาลต้องการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวอยู่แล้ว และถ้ามีวิธีไหนที่จะช่วยดึงราคาข้าวให้สูงขึ้นมาได้อีกก็จะทำ ขณะนี้ได้มีการสั่งการให้กรมการค้าภายในได้ไปเปิดจุดรับซื้อเพิ่มเติม เพื่อแทรกแซงตลาดที่จะช่วยดึงราคาให้สูงขึ้นมาในระยะเวลานี้ แต่ถ้าดึงไม่ได้ ก็มีส่วนต่าง ไม่ได้ทำให้เกษตรกรต้องเสียรายได้แต่อย่างใด เพียงแต่ถ้าราคาข้าวลงมาอีก รัฐบาลก็ต้องจ่ายเงินส่วนต่างเพิ่ม” รมว.พาณิชย์กล่าว