"อนุดิษฐ์"จ่อซักฟอก"ประยุทธ์"เซ่น "ทอ."ส่อทุจริตซื้ออาวุธ3พันล้าน
“อนุดิษฐ์” เผย "กมธ.ป.ป.ช." รวบรวมข้อเท็จจริง ปม ตรวจสอบ โครงการซื้ออาวุธ "ทอ." 3พันล้าน เสร็จแล้ว รอทำรายงานสรุปส่ง "ป.ป.ช.-กองทัพ-กรมบัญชีกลาง" สอบ หลังพบพิรุธเพียบ ส่อ ทุจริต สมคบคิด ของบิ๊กหลายคน ชี้ ปกปิดบิดเบือนข้อมูล จี้ "นายกฯ" รับผิดชอบ หากเฉย เจอ ซักฟอก แน่
น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติผิดมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร หรือกรรมาธิการ ป.ป.ช. เปิดเผยความคืบหน้าการตรวจสอบการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ของกองทัพอากาศ ได้แก่
โครงการพัฒนาและปรับปรุงระบบป้องกันทางอากาศ ระยะที่ 7 (N-SOC C2)
โครงการพัฒนาป้องกันฐานที่ตั้งทางทหารของกองทัพอากาศ (GBAD)
โครงการจัดหาทดแทนวิทยุพื้นดิน-อากาศ มูลค่าเกือบ 3 พันล้านบาทว่า คณะกรรมาธิการได้รวบรวมข้อเท็จจริงจากการให้ถ้อยคำของผู้เกี่ยวข้อง รวมทั้งพยานหลักฐานต่างๆ ครบถ้วนเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้อยู่ในระหว่างการทำรายงานสรุปผลการตรวจสอบเพื่อส่งไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. กระทรวงกลาโหม กองทัพไทย กรมบัญชีกลาง และสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ เพื่อให้หน่วยงานต่างๆ ได้นำรายงานผลการตรวจสอบไปใช้ให้เป็นประโยชน์ หากเห็นว่ากระบวนการจัดหาในครั้งนี้ไม่ชอบจะได้ระงับยับยั้งการจัดหาดังกล่าวที่ไม่เป็นไปตามระเบียบและกฎหมายต่อไป โดยตนเองขอเรียกร้องให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ปลัดกระทรวงกลาโหม และ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อสอบสวนเรื่องทั้งหมดเป็นการเฉพาะอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากผลการตรวจสอบของคณะกรรมาธิการ ป.ป.ช. ชี้ชัดว่าการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ทั้ง 3 โครงการ พบข้อพิรุธในการจัดหาหลายประการ และมีพฤติกรรมของการกระทำทุจริตประพฤติผิดมิชอบ
น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า เชื่อว่าเกิดจากการสมคบคิดของผู้บริหารระดับสูงหลายคน ซึ่งหากเรียกเพียงหน่วยปฏิบัติมาชี้แจง อาจไม่ได้รับทราบความจริงทั้งหมด และที่สำคัญอาจมีการปกปิดหรือบิดเบือนข้อมูล ซึ่งหากกองทัพไทยหรือกระทรวงกลาโหมปล่อยผ่านไปโดยไม่ยอมตรวจสอบให้ละเอียด ย่อมทำให้ผู้ลงนามอนุมัติมาตามลำดับชั้น โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้อย่างแน่นอน หากกระทรวงกลาโหมปล่อยปละละเลย ตนเองคงต้องนำการฉ้อฉลครั้งนี้ไปสู่การ อภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งต่อไป ซึ่งตนเองบอกได้เลยว่าต่างกว่าครั้งที่แล้ว เพราะคราวนี้จะมีใบเสร็จและรายนามของผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดเนื่องจากความผิดสำเร็จแล้ว
"ดังนั้น เพื่อความโปร่งใส บริสุทธิ์ ยุติธรรม และกองทัพอากาศสามารถเดินหน้าจัดหายุทโธปกรณ์ของกองทัพอากาศได้ตามวัตถุประสงค์ เป้าหมาย จึงเห็นควรให้ กระทรวงกลาโหม กองทัพไทย กรมบัญชีกลาง และสำนักงบประมาณ ตรวจสอบการเปลี่ยนแปลง การแก้ไขรายละเอียด และสาระสำคัญของการจัดหายุทโธปกรณ์ทั้ง 3 โครงการ ให้ละเอียดรอบคอบ และสั่งการให้หน่วยปฏิบัติดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้องตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป" น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าว
น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวอีกว่า คณะกรรมาธิการ ป.ป.ช.ได้ตรวจสอบการจัดหายุทโธปกรณ์ทั้ง 3 โครงการอย่างละเอียด พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญจากที่เคยมาชี้แจงกับสภาฯหลายประการ เป็นการเปลี่ยนตามอำเภอใจ ไม่สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ต่างๆ ไม่เป็นไปตามหลักนิยม และไม่เป็นไปตามแผนการพัฒนากองทัพอากาศ ที่อดีตผู้บัญชาการทหารอากาศแถลงนโยบายเอาไว้ แต่ที่สำคัญก็คือการละเลยความเห็นของฝ่ายกฎหมาย โดยผู้บริหารระดับสูงของ ทอ. ไม่ยอมสอบถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และจงใจดำเนินการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์และสาระสำคัญของโครงการโดยพลการ ซึ่งขณะนี้เอกสารการขออนุมัติจัดซื้อในโครงการต่างๆได้ออกจาก ทอ. ไปแล้ว จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่ากองทัพไทยและกระทรวงกลาโหมจะได้ใช้รายงานการตรวจสอบของคณะกรรมาธิการ ป.ป.ช.ให้เป็นประโยชน์ และสั่งการให้คณะกรรมการที่ตั้งขึ้น ตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียด แต่ที่ง่ายที่สุดก็คือการสั่งการให้หน่วยปฏิบัติกลับไปแก้ไขและดำเนินกระบวนการจัดหาต่างๆ ให้เป็นไปตามระเบียบและกฎหมายที่กำหนดต่อไป เพราะหากยังฝืนดำเนินการกันไปในลักษณะนี้ คงไม่พ้นคณะกรรมาธิการฯ ต้องเรียกผู้เกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจในการจัดซื้อครั้งนี้มาให้ถ้อยคำกันอีก ซึ่งคงไม่มีใครอยากให้เป็นเช่นนั้น