วัดพลังแม่ทัพใต้"ค่ายสีฟ้า" "ชิน"รุ่นเก๋า ปะทะ "ชาย" สายตรง
จับตาเกมวัดพลังเลือก "รองหัวหน้าพรรค" คุมภาคใต้แห่งค่ายสีฟ้าวันนี้ระหว่าง "ชินวรณ์" รุ่นเก่าเก๋าเกม กับ "นายกฯชาย" สายตรงผู้มากบารมีปชป.ที่สุดแล้วใครจะได้รับหน้าที่ขุนพลภาคใต้คนต่อไป
การเฟ้นหา“ขุนพล”ที่จะมาทำหน้าที่รองหัวหน้าพรรคคุมภาคใต้ อันเป็นขุมกำลังสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์แทน“นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ” คงจับตาไปที่การประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2564ของพรรควันนี้(18 ธ.ค.)
รายชื่อตัวเต็ง“แม่ทัพภาคใต้”ที่ถูกเปิดออกมา มีทั้งชื่อ “ชินวรณ์ บุณยเกียรติ”ส.ส.นครศรีธรรมราช และรองหัวหน้า(ตามภารกิจ) พรรคประชาธิปัตย์
ประกาศท่าที่ล่าสุด "อาสาและตั้งใจจะเป็นรองหัวหน้าพรรคดูแลภาคใต้ในครั้งนี้"
เป็นที่รู้กันว่า ในส่วนของ“ชินวรณ์”นั้นได้รับแรงเชียร์มาจากส.ส.รุ่นเก่าบางส่วน และหากจะนับพรรษาหรือความ“เก๋าเกม”ทางการเมืองทั้งส.ส.นครศรีธรราราช9สมัย ,รองหัวหน้าพรรคตามภารกิจและยังเคยเป็นรองหัวหน้าพรรคคุมภาคใต้ รวมถึงเป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
บวกบทบาทการ“คุมเกม”ในสภาเวลานี้ที่มีดีกรีเป็นถึงรองประธานวิปรัฐบาล ย่อมไม่มีข้อครหาใดๆในเรื่องความเหมาะสม
การที่“นายหัวชิน” ออกมาเปิดหน้าท้าชนคู่แข่งอีก1คนคือ “นายกชาย”เดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.สงขลา ซึ่งมีแบ็คอัพคนสำคัญอย่าง “เลขาต่อ” เฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค ผู้มากบารมีในพรรคประชาธิปัตย์ โดยงัดพรรษาทางการเมืองที่เหนือกว่าบลัฟในเรื่องของความเหมาะสมในการนำทัพภาคใต้สู้ศึกเลือกตั้งที่กำลังมาถึง
ย่อมเป็นการส่งสัญญาณถึง “เกมงัดข้อ” ภายในค่ายสีฟ้าอย่างชัดเจน ซึ่งหากมองในแง่พรรษาการเมืองของ “นายหัวชิน” อาจไม่มีข้อครหาในเรื่องความเหมาะสม
ทว่าหากมองในแง่ของ“ขุมกำลัง” บวกคอนเน็กชั่นทางการเมืองแล้ว“นายหัวชิน” อาจจะยังเป็นรอง“นายกชาย”อยู่หลายขุม
เพราะแม้เจ้าตัวจะเป็นส.ส.สมัยแรก ตามที่“ชินวรณ์” บลัฟว่าเหมาะนั่งรองเลขาแทน “อันวาร์ สาและ” มากกว่า แต่ต้องไม่ลืมว่านายกฯชายยังได้รับแรงหนุนทั้งจาก“ถาวร เสนเนียม”และ“นิพนธ์ บุญญามณี”2บิ๊กเนมแห่งเมืองสงขลา
ยังไม่นับรวมอีกหนึ่งแต้มต่อ นั่นคือผลงานในการคุมทีมเลือกตั้งนายกอบจ.สงขลาครั้งล่าสุดที่นายกชาย ถูกมองว่ามีส่วนสำคัญ ที่ทำให้ค่ายสะตอกลับมามีพลังอีกครั้งหลังดัน “สุภาพร กำเนิดผล” หรือ “น้ำหอม” ภรรยาเป็นรองนายกอบจ.และเวลานี้กลายเป็นผู้สมัครเลือกตั้งซ่อมส.ส.จ.สงขลาแทนถาวร รวมถึง “สจ.เสือ”วงศ์วชิระ ขาวทอง ลูกชายเป็นสจ.เขต 1 รัตภูมิได้สำเร็จ จนมีการจับตาไปที่การขยับมาเดินเครื่องการเมืองระดับชาติในลำดับต่อไป
เหนือไปกว่านั้นยังมีสายสัมพันธ์ข้ามพรรคของ“3พี่น้องต่างค่าย”ทั้ง“นายกฯชาย”,“ผู้กองธรรมนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพลังประชารัฐ และ“ชาดา ไทยเศรษฐ์”ส.ส.อุทัยธานี และรองหัวหน้าพรรคซึ่งมีบทบาทสำคัญในพรรคภูมิใจไทย
แม้แต่ตัวนายกฯชายเององยังออกมายอมรับว่า มีความสนิทสนมคุ้นเคยกันมานานมีความรัก ความผูกพันธ์ ทั้ง“พี่ชาดา”ที่มีความรักใคร่กันมาร่วม20ปี หรือ“พี่นัส”ก็รู้จักรักใคร่มาร่วม10ปี
ยิ่งไปกว่านั้นยังโยงไปถึงสัมพันธ์ ระหว่าง “เลขาต่อ”กับ“เนวิน ชิดชอบ”ผู้มากบารมีแห่งค่ายสีน้ำเงินที่มีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมาหลายกรรมหลายวาระ
หากวัดในเรื่องคอนเน็กชั่นตรงนี้เองที่อาจทำให้“นายกชาย”เป็นต่อในการคุมสนามภาคใต้มากกว่า และหากจะมองในแง่“กลเกมการการเมือง”ความพยายามในการดันนายกฯชายขึ้นแท่นขุนพลภาคใต้ในครั้งนี้ ย่อมสื่อนัยบางอย่าง ที่มีการมองข้ามช็อตไปถึงศึกเลือกตั้งสนามใหญ่ที่กำลังจะเกิดในอีกไม่ช้าไม่นานหลังจากนี้อีกด้วย
ทว่าเกมงัดข้อปชป.รอบนี้ไม่ได้มีแค่ศึกชิงขุนพลภาคใต้เท่านั้นหากแต่ยังมีชนวนร้าวที่ต้องจับตา
เพราะล่าสุด "อันวาร์ สาและ" ส.ส.ปัตตานี และอดีตรองเลขาธิการปชป. กล่าวว่าในการประชุมเตรียมข้อมูลเสนอให้ที่ประชุมใหญ่พรรคได้รับทราบถึงปัญหา ความตกต่ำของพรรคว่าเกิดจากผู้บริหารพรรคจํานวนหนึ่งที่เห็นประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าประโยชน์ของพรรค และผู้บริหารพรรคบางคนก็ถูกครอบงํา จนทําให้วุฒิภาวะของการเป็นผู้นําที่ดีของพรรคเสียไป
“ผมจะขอพูดความจริงที่สามารถพิสูจน์ได้ทั้งหมด ให้สมาชิกพรรคทั้งประเทศได้มีโอกาสรับฟัง ซึ่งนี่อาจจะเป็นการพูดครั้งสุดท้าย ก่อนที่ผมจะถูกผู้บริหารสั่งให้กรรมการบริหารพรรค(กก.บห.)ขับไล่ผมออก หรือประกาศไม่ส่งผมลงสมัครรับเลือกตั้งในครั้งต่อไป”