หลักสี่เดือด! “มาดามหลี” ร้อง กกต.สอบ “อรรถวิชช์” ปราศรัยใส่ร้าย
หลักสี่ดุเดือด! “มาดามหลี” ส่งทนายร้อง “กกต.” เอาผิด “อรรถวิชช์” ปมให้สัมภาษณ์เข้าข่ายโจมตีใส่ร้าย ผิดกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่ เย้ยนี่หรือนักการเมืองคุณภาพ เที่ยวด้อยค่าคนอื่น ไม่เว้นแต่ประชาชนยังถูกกล่าวหาขายสิทธิแลกเงินแบบไร้หลักฐาน เตรียมยื่นฟ้องคดีอาญาต่อ
เมื่อวันที่ 13 ม.ค. 2565 นางสรัลรัศมิ์ เจนจาคะ หรือ "มาดามหลี" ผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม ส.ส. เขตหลักสี่-จตุจักร เบอร์ 7 จากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มอบหมายให้นายสิระ ขาวนุ่น ผู้ช่วยเดินทางมาร้องเรียนต่อสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กรณีนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า และผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม ส.ส. ให้สัมภาษณ์ในรายการ เจาะลึกทั่วไทย ทางช่อง 9 ว่า พรรคพลังประชารัฐน่าจะส่งคนที่มีคุณภาพมากกว่านี้มาลงสมัคร เข้าข่ายการหาเสียงด้วยลักษณะโจมตี ใส่ร้าย ป้ายสี ที่ถือกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งกรณีหาเสียงเลือกตั้ง ว่าด้วยการหลอกลวงใส่ร้ายด้วยความเท็จ หรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัคร หรือพรรคการเมือง ตามมาตรา 73 (5) พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือไม่
นางสรัลรัศมิ์ กล่าวว่า การลงเล่นการเมืองของตนในครั้งนี้ มีความตั้งใจเพื่อดูแลประชาชนชาวหลักสี่ - จตุจักร ต่อจากที่นายสิระ เจนจาคะ ดำเนินการมาเท่านั้น ไม่เคยคิดจะเป็นศัตรูหรือใส่ร้าย ป้ายสีใคร ประชาชนและสื่อมวลชนเห็นการสัมภาษณ์ของตนมาโดยตลอด จะเห็นว่าตนไม่เคยพูดพาดพิงผู้สมัครจากพรรคการเมืองอื่นเลยแม้แต่ครั้งเดียว ในฐานะสุภาพสตรี ขอให้การแข่งขันครั้งนี้แข่งกันด้วยความเป็นสุภาพบุรุษอย่างมีเกียรติและศักดิ์ศรี ขอให้เป็นการเสนอนโยบายพรรคของตัวเองเพื่อให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจ โดยไม่จ้องที่จะโจมตีให้ร้ายกัน
นางสรัลรัศมิ์ กล่าวอีกว่า ไม่เห็นถึงเหตุจำเป็นในการให้ร้ายใคร เพื่อทำลายคะแนนเสียงของฝั่งตรงข้าม เพราะสุดท้ายแล้วประชาชนจะตัดสินลงคะแนนจากสิ่งที่พวกเขาเห็นและได้สัมผัส ไม่ใช่วาจากล่าวร้าย ไม่ทราบว่าการพูดจาดูหมิ่นเกรียติของตนว่า ไม่มีคุณภาพ พรรคน่าจะหาคนที่มีคุณภาพกว่านี้ นายอรรถวิชช์เอาอะไรมาเป็นเกณฑ์ตัดสินศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ว่าใครเก่งหรือไม่เก่ง การพูดออกมาเช่นนี้ เพียงเพราะต้องการทำลายภาพลักษณ์ของตน และหวังว่าประชาชนจะไปเลือกตัวเองแทน จึงขอใช้สิทธิร้องเรียนครั้งนี้เพื่อปกป้องเกียรติและศักดิ์ศรีของตนเอง
"ดิฉันยังได้รับเสียงร้องเรียนจากชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในชุมชนริมคลองที่ถูกนายอรรถวิชช์พาดพิงว่ามีการซื้อเสียง โดยไม่มีหลักฐาน ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่เห็นว่าถูกนายอรรถวิชช์ดูถูกและกล่าวหาว่า พวกเขาขายสิทธิขายเสียงของตัวเอง จนมีการแสดงความคิดเห็นในโลกโซเชี่ยลมากมายว่า อยากเป็นคนหลักสี่ได้เงินหัวละตั้ง 3,000 บาท ข้อความเหล่านี้ถือว่าเป็นการดูถูกความคิดของชาวหลักสี่-จตุจักร อย่างมาก" นางสรัลรัศมิ์ กล่าว
นางสรัลรัศมิ์ กล่าวด้วยว่า กำลังให้ฝ่ายกฎหมายตรวจสอบว่าเข้าข่ายความผิดทางอาญาด้วยหรือไม่ โดยจะดำเนินคดีเอาผิดนายอรรถวิชช์ที่ สน.ทุ่งสองห้อง ต่อไป และหากมีความผิดจริงนายอรรถวิชช์ถือเป็นกรรมการบริหารพรรคกล้า อาจมีผลถึงขั้นยุบพรรคด้วย