เจาะค่ายสีน้ำเงิน พึ่ง 'บ้านใหญ่' ไร้กระแส
ส.ส.เขตของภูมิใจไทย ส่วนใหญ่เป็น ส.ส.อีสานใต้ มาจากบุรีรัมย์ ,นครราชสีมา และศรีสะเกษ ส่วนที่เพิ่มเติมก็มาจากกลุ่มบ้านใหญ่ในภาคกลาง เช่นกลุ่มชาดา ไทยเศรษฐ์ ,กลุ่มสุนทร วิลาวัลย์ ,กลุ่มสรอรรถ กลิ่นประทุม และกลุ่มสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล
ปฏิบัติการบอยคอยวง ครม.ของพรรคภูมิใจไทย สะท้อนภาวะรัฐบาลง่อยเปลี้ยเสียขา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะดันทุรังไปได้สักกี่น้ำ ไม่แคล้วต้องยุบสภาฯ
อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรค ไม่ได้แสดงอาการชัดแจ้งว่า พร้อมรบพร้อมลุยเลือกตั้ง
สำหรับ ส.ส.รุ่นใหม่อย่าง สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย แสดงความเห็นเกี่ยวกับ 7 รัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทย ลาประชุม ครม. เพื่อคัดค้านการต่อสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว โดย ส.ส.โต้ง บอกว่า "อะไรก็เกิดขึ้นได้ครับ"
"ถ้าพูดถึงเลือกตั้งก็ต้องบอกเลยว่า ภูมิใจไทยของเราพร้อมตั้งแต่เมื่อวานแล้วครับ อย่าว่าแต่ยุบสภาในวันพรุ่งนี้เลย ถ้ายุบสภาตั้งแต่เมื่อวานเราก็พร้อม"
ชั่วโมงนี้ พรรคภูมิใจไทย มี ส.ส. จำนวน 62 คน เป็นพรรคอันดับ 2 แทนที่พรรคประชาธิปัตย์ ในรัฐบาลประยุทธ์ และเป็นพรรคอันดับ 3 ในรัฐสภา รองจากพรรคเพื่อไทย และพรรคพลังประชารัฐ
ตัวเลข ส.ส. 62 คน เพิ่มขึ้นมาจากเดิมที่มีแค่ 51 คน โดยมี ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ ย้ายเข้ามาสังกัด ทั้งก่อนและหลังยุบพรรค นอกจากนี้ ยังมีอีก 4 คน ที่ฝากเลี้ยงอยู่ในพรรคก้าวไกล
ว่ากันตามจริง ส.ส.ที่ย้ายมาจากอนาคตใหม่ และที่ยังอยู่ในก้าวไกล รวมแล้ว 13-14 คน โดยเฉพาะ ส.ส.เขต คาดว่า สอบตกหมด
เนื่องจาก ส.ส.อนาคตใหม่ มากับกระแสธนาธรเพียวๆ ไม่มีเรื่องฐานเสียงส่วนตัว เมื่อมาสังกัดภูมิใจไทย ที่ไม่ใช่พรรคสร้างกระแส และ ส.ส.งูเห่าไม่ได้มีฐานเสียงตัวเอง ก็ยากจะได้กลับเข้าสภาฯอีกครั้ง
การเลือกตั้งทั่วไป 2562 พรรคภูมิใจไทย ส่ง ส.ส.เขต ครบ 350 เขต ได้คะแนนเลือกตั้ง มากกว่า 3 ล้าน 7 แสนคะแนน ได้ ส.ส.รวม 51 คน แยกเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ 13 คน และ ส.ส.เขต 38 คน
เหตุที่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 13 คน เพราะกติกาบัตรใบเดียว นับทุกคะแนนเอื้อต่อปาร์ตี้ลิสต์และระหว่างหาเสียง อนุทินและศักดิ์สยาม ประกาศว่า ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคขอแค่เขตละ 1 หมื่นคะแนน ไม่ชนะเลือกตั้ง ไม่เป็นไร
ถ้าวิเคราะห์เฉพาะ ส.ส.เขต 38 คน ถือว่า พรรคภูมิใจไทยยังต้องเหนื่อยอีกเยอะ ถ้าการเลือกตั้งสมัยหน้า ใช้บัตร 2 ใบ 400 เขต เพราะตอนเลือกตั้งปี 2554 ใช้บัตร 2 ใบ ภูมิใจไทยก็ได้ ส.ส.เขต 29 คน และ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ 5 คน
สมัยโน้น เนวิน ชิดชอบ เชื่อว่า ถ้าเป็นบัตร 2 ใบ เขตเดียวเบอร์เดียว ค่ายสีน้ำเงินจะสามารถเจาะพื้นที่สีแดงในภาคเหนือ และภาคอีสาน โดยอาศัยจุดแข็งของนักเลือกตั้งอาชีพหรือบ้านใหญ่ ก็น่าจะสู้กระแสทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ได้
ผลเลือกตั้งปี 2554 กระแสยิ่งลักษณ์กวาด ส.ส.อีสาน และเหนือ เป็นกอบเป็นกำ ภูมิใจไทยพ่ายยับ ได้ ส.ส.เขต 29 คน ผ่านมาถึงปี 2562 ได้ ส.ส.เขต เพิ่มเป็น 38 คน ก็ถือว่าเพิ่มจากเดิมแค่ 9 คน
ส.ส.เขตของภูมิใจไทย ส่วนใหญ่เป็น ส.ส.อีสานใต้ มาจากบุรีรัมย์ ,นครราชสีมา และศรีสะเกษ ส่วนที่เพิ่มเติมก็มาจากกลุ่มบ้านใหญ่ในภาคกลาง เช่นกลุ่มชาดา ไทยเศรษฐ์ ,กลุ่มสุนทร วิลาวัลย์ ,กลุ่มสรอรรถ กลิ่นประทุม และกลุ่มสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล
ที่สำคัญคือ ส.ส.หน้าใหม่จากภาคใต้ ผลงานของพิพัฒน์ รัชกิจประการ และนาที รัชกิจประการ ที่ได้ประสานกับบ้านใหญ่กระบี่ และบ้านใหญ่ระนอง จึงปักธงสร้างฐานได้
แม้เลือกตั้งครั้งที่แล้ว อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พยายามจะปั่นกระแสกัญชาเสรี เพื่อเอาใจคนรุ่นใหม่ แต่ก็ได้เสียงไม่เยอะ ชัยชนะในระดับ ส.ส.เขตนั้น มาจากระบบอุปถัมภ์ท้องถิ่นหรือระบบบ้านใหญ่
ดังนั้น เป้าหมายในการเลือกตั้งสมัยหน้า พรรคภูมิใจไทยจึงทุ่มสรรพกำลังไปที่ภาคอีสาน โดยตรึงที่นั่ง ส.ส.เดิมในอีสานใต้ไว้ และหาทางเพิ่มที่นั่งในบางจังหวัดเช่น ศรีสะเกษ และนครราชสีมา
การที่ภูมิใจไทยจะขยายฐานไปทางภาคเหนือ ดูจะเป็นไปได้ยาก เช่นเดียวกับโซนอีสานเหนือ ที่ยังฝังใจเรื่องเนรคุณนายใหญ่อยู่
ส่วนภาคใต้ในสมัยหน้า พรรคประชาธิปัตย์หันมาใช้โมเดลแบบค่ายสีน้ำเงิน จัดทัพใหม่ใช้ผู้สมัคร ส.ส.ประเภทดาวฤกษ์ ไม่ต้องพึ่งกระแสมากนักลงสนาม ดังนั้น พิพัฒน์-นาทีก็ไม่ง่ายที่จะรักษาไว้ได้ทั้ง 7 ที่นั่ง
ด้วยเหตุนี้ ผู้มากบารมีนอกพรรคจึงต้องหาทางเปิดดีลลับกับคนแดนไกล หากเจอแลนด์สไลด์เหมือนปี 2554 ก็จะได้มีที่ยืนให้ ส.ส.เขตในภาคอีสานบ้าง