บัญชา "นายใหญ่ปราสาทหิน" ทุ่มโปรย้ายค่าย-เปิดทาง"บิ๊กดีล"
"หนูเปล่าหนา เขามาเอง" วลีจากปากหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ดูเหมือนจะสวนทางกับความเคลื่อนไหวภายในพรรค ที่ยามนี้รุกแผน "เปิดดีลย้ายค่ายพ่วงโปร" หวังผลไปถึงการตุนแต้มต่อรอง รวมถึง"บิ๊กดีล"สำคัญในอนาคต
ถือว่าไม่ได้เหนือความคาดหมายอะไร หลังพรรคภูมิใจไทย เปิดตัว “3 ส.ส.” ซึ่งถูกขับออกของจากพรรคพลังประชารัฐ ทั้ง “2 พ่อลูกช่างเหลา” คือ เอกราช ช่างเหลา ส.ส.บัญชีรายชื่อ วัฒนา ช่างเหลา ส.ส.ขอนแก่น รวมถึง สมศักดิ์ พันธ์เกษม ส.ส.นครราชสีมา ร่วมชายคาเป็นที่เรียบร้อย
ทำให้เวลานี้ “ค่ายสีน้ำเงิน” ซึ่งมีจำนวน ส.ส.มากเป็นลำดับ 2 ของพรรคร่วมรัฐบาลมีเสียง ส.ส.เพิ่มจากเดิม 59 คนเป็น 62 คน
ในส่วนของ “2 พ่อลูกช่างเหลา” นั้นอย่างที่รู้กันว่า ก่อนหน้านี้ส่งบุตรชายคนเล็ก พิทักษ์ชน ช่างเหลา ล่วงหน้าสมัครสมาชิกพรรคไปตั้งแต่วันที่ 19 ธ.ค.ที่ผ่านมา
เหนือไปกว่านั้น เบื้องลึกเบื้องหลังจริงๆ ของการย้ายค่ายในครั้งนี้ อยู่ที่ “บิ๊กดีล”สำคัญ ที่มีความเกี่ยวโยงไปถึงปมในอดีตซึ่ง “เอกราช” ในฐานะอดีตผู้จัดการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น ถูกกล่าวหาในคดียักยอกทรัพย์สิน
ก่อนที่ในปี 62 เจ้าตัวจะหยิบยก “เงื่อนไขทางกฎหมาย” ที่เปิดช่องในการทำหนังสือยอมรับสภาพหนี้ และชดใช้เงินคืนให้สหกรณ์ออมทรัพย์
ว่ากันว่า ก่อนหน้านี้ “เอกราช” พยายามเสนอเสนอโครงการ “ไทยเข้มแข็ง” ไปยัง “บิ๊กรัฐบาล” แต่ดันไปติดที่ “เจ้ากระทรวงคลองหลอด” ที่ไม่ยอมไฟเขียว แผนดังกล่าวจึงเป็นอันต้องพับไป
ทำให้ “เอกราช” ต้องเบนเข็มไปที่บ้านใหญ่แห่งเมืองปราสาทหิน โดยมี “บิ๊กดีล” เป็นโครงการของกรมทางหลวงชนบท เพื่อแลกกับการที่ “เอกราช” ยก “ครอบครัวช่างเหลา” ทั้งคณะย้ายมาสังกัดค่ายสีน้ำเงิน
ขณะที่ในส่วนของ “เสี่ยเบี้ยว” สมศักดิ์ นั้น แม้ก่อนหน้านี้จะออกมาปฏิเสธกระแสข่าวทิ้ง “ธรรมนัส (พรหมเผ่า)” โดยอ้างเหตุผลที่ยังไม่สมัครเป็นสมาชิกพรรคเศรษฐกิจไทย เนื่องจาก “ขอรอดูความชัดเจนในเรื่องข้อกฎหมาย”
ทว่า ในความเป็นจริงใครๆ ก็รู้ว่า “เสี่ยเบี้ยว” มีสายสัมพันธ์อันดีกับ “เฮียป้อ” วีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รมช.คมนาคม และแกนนำพรรคภูมิใจไทย ผู้มากบารมีแห่งเเมืองย่าโม
ที่มีการทอดไมตรีกันมาตั้งแต่ศึกเลือกตั้ง อบจ.เมื่อช่วงปลายปี 63 ที่ “เสี่ยเบี้ยว”ออกตัวสนับสนุน “ดร.หน่อย” ยลดา หวังศุภกิจโกศล ศรีภรรยา รมต.วีรศักดิ์ ชิงนายกอบจ.นครราชสีมา ก่อนได้รับเลือกในที่สุด
จากปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น หากจะบอกว่ายามนี้ “ค่ายสีน้ำเงิน” กำลังอยู่ในช่วงเนื้อหอมก็คงไม่ผิดสักเท่าไรนัก เพราะนอกเหนือจาก 3 คนที่กล่าวมา ยังมีในส่วนของตระกูล “บิ๊กเนม” ที่ต้องจับตาหลังจากนี้
ไม่ว่าจะเป็น “ตระกูลสมชัย” ที่ก่อนหน้านี้ เรียกเสียงฮือฮาหลัง นวลนภา สมชัย ศรีภรรยาผู้คอบซับพอร์ตอยู่เบื้องหลัง “พ่อใหญ่ แห่งเมืองอุบลฯ” อิสสระ สมชัย อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตแกนนำกปปส. ที่เวลานี้ถูกโทษแบนทางการเมือง ปรากฎตัวที่ประชุมพรรคภูมิใจไทย ในฐานะสมาชิกพรรคคนใหม่
เช่นนี้ จึงมีการจับตาไปที่บุตรสาว คือ แนน บุณย์ธิดา สมชัย ส.ส.อุบลราชธานี ซึ่งเวลานี้ยังเป็น ส.ส.ภายใต้ชายคารั้วสีฟ้าประชาธิปัตย์ ที่อาจกำลังอยู่ระหว่างตัดสินใจครั้งสำคัญ
ยังไม่นับรวมในส่วนของ “ตระกูลแทนทรัพย์” คือ “สัมฤทธิ์ แทนทรัพย์” ส.ส.ชัยภูมิ พรรคพลังประชารัฐ ที่มีข่าวว่าอาจตัดสินใจย้ายซบค่ายสีน้ำเงิน
ซึ่งก่อนหน้านี้ส่งลูกสาว “ไอเดียร์”สุชาดา แทนทรัพย์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตสมาชิกกลุ่มนิวเด็ม สมัครสมาชิกพรรคภูมิใจไทยไปตั้งแต่ 19 ธ.ค.2564
จากนี้ต้องจับตา เพราะแม้"อนุทิน" จะบอกว่า "หนูเปล่าหนาเขามาเอง"
แต่ด้วยปี่กลองส่งสัญญาณ"จัดทัพรับเลือกตั้ง" ที่เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ “กลเกมค่ายสีน้ำเงิน” ก็ยิ่งทวีความอหังการ์ในการเปิดโปรย้ายค่าย-พ่วงด้วยดีล “โครงการเมกะโปรเจค”ในกระทรวงเกรดเอ ซึ่งพรรคดูแลอยู่ก็จะมากยิ่งขึ้นตามไปด้วย
โดยเฉพาะในส่วนของ “นายใหญ่”เมืองปราสาทหิน ที่คอยนั่งบัญชาการด้วยตนเอง
อย่างที่รู้กันว่า กลเกมของค่ายนี้ ไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่การดูด ส.ส.เพื่อชิงพื้นที่ หรือเติมแต้มต่อรองให้พรรคเท่านั้น หากแต่ยังหวังผลไปถึงการทอดสะพานเพื่อเปิด“บิ๊กดีล”สำคัญ ในอนาคตด้วย