ตุลาการมีน้อยไม่เพียงพอ! ปธ.ศาลปกครองสูงสุดยกเครื่องแก้ปัญหาทำคดีช้า

ปธ.ศาลปกครองสูงสุด สั่งขับเคลื่อนงานสนับสนุนภารกิจด้านการพิจารณาพิพากษาคดี แก้ไขปัญหาความล่าช้าในการอำนวยความยุติธรรม ลดขั้นตอน-กรอบเวลาตรวจร่างคำวินิจฉัย วางแนวปฏิบัติคดีลักษณะเดียวกัน พัฒนางานวิเคราะห์เหตุแห่งการฟ้อง
เมื่อวันที่ 8 มี.ค. 2565 นายชาญชัย แสวงศักดิ์ ประธานศาลปกครองสูงสุด กล่าวตอนหนึ่งในงานแถลงข่าวครบรอบ 21 การดำเนินงานของศาลปกครอง ว่า ภายหลังจากที่เข้ารับตำแหน่งประธานศาลปกครองสูงสุด เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2564 ได้มีการวิเคราะห์สภาพปัญหาและกำหนดนโยบายในการพัฒนางานด้านอื่นที่จะสนับสนุนการดำเนินงานของศาลปกครองให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น แต่ภายใต้กรอบเวลาเพียง 1 ปี ของการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว อาจไม่เพียงพอที่จะแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้ทั้งหมด จึงได้ขับเคลื่อนงานที่สำคัญมาสู่การปฏิบัติเพื่อสนับสนุนภารกิจด้านการพิจารณาพิพากษาคดีของศาลปกครองให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยมีผลการดำเนินงานที่สำคัญ ตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน 2564 - 7 มีนาคม 2565 ดังนี้
- 1. ปัญหาในการดำเนินงานของศาลปกครองที่สำคัญที่สุดและสมควรได้รับการแก้ไขปรับปรุงโดยเร็วที่สุด ได้แก่
1.1) การแก้ไขปัญหาความล่าช้าในการอำนวยความยุติธรรมทางปกครอง ที่เกิดจากจำนวนตุลาการศาลปกครองมีจำนวนไม่สอดคล้องเพียงพอกับปริมาณคดี เนื่องจากที่ผ่านมากระบวนการสรรหาตุลาการใช้ระยะเวลาค่อนข้างนาน แต่ละครั้งได้ผู้ผ่านการคัดเลือกน้อย และต้องผ่านการอบรมเตรียมความพร้อมอีกเป็นระยะเวลา 9 เดือน ซึ่งได้มีการกำชับและเร่งรัดกระบวนสรรหาให้มีความกระชับขึ้นหรือกรณีคดีที่รอการวินิจฉัยของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ได้เร่งรัดการนำคดีเข้าสู่การพิจารณาวินิจฉัยของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด โดยจัดประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ทุกสัปดาห์ มีคดีที่เข้าสู่กระบวนการวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ฯ รวม 170 คดี พิจารณาแล้วเสร็จ จำนวน 157 คดี คงเหลือ 13 คดี โดยคดีที่พิจารณาแล้วเสร็จ ก็มีคดีโครงการโฮปเวลล์ และคดีคลองด่าน ซึ่งได้มีคำสั่งออกไปแล้วรวมอยู่ด้วย
นอกจากนี้ ได้ลดขั้นตอนและกำหนดกรอบในการกลั่นกรองร่างคำวินิจฉัยที่ผ่านการพิจารณาขององค์คณะให้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยมอบอำนาจให้รองประธานศาลปกครองสูงสุดและประธานแผนกคดีในศาลปกครองสูงสุดปฏิบัติหน้าที่แทนประธานศาลปกครองสูงสุดส่งออกคดี รวมทั้งได้กำชับพนักงานคดีปกครอง ในการจัดทำคำพิพากษาหรือคำสั่งให้ใช้แบบตามที่ศาลกำหนด เพื่อลดภาระในการตรวจร่างคำพิพากษา ซึ่งจะทำให้การตรวจร่างคำพิพากษาสามารถดำเนินการได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
1.2) การวางแนวปฏิบัติในการพิจารณาวินิจฉัยคดีปกครองที่มีลักษณะอย่างเดียวกันหรือคดีปกครองที่มีเหตุแห่งการฟ้องคดีเดียวกันให้มีแนวคำวินิจฉัยเป็นไปในแนวทางเดียวกันโดยปรับเปลี่ยนการจ่ายสำนวนคดีให้แก่องค์คณะ เพื่อลดปัญหาการจ่ายสำนวนคดีประเภทเดียวกันให้แก่องค์คณะหลายองค์คณะ และมีประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด จัดแบ่งประเภทคดีที่จะมอบหมายให้แต่ละองค์คณะรับผิดชอบคดีตามความเชี่ยวชาญ และได้พัฒนาหน้าจอสืบค้นข้อมูลเหตุแห่งการฟ้องคดีซึ่งจะช่วยตรวจสอบได้ว่า คดีที่มีเหตุแห่งการฟ้องคดีในทำนองเดียวกันนั้น ควรต้องจ่ายสำนวนคดีให้แก่องค์คณะใด เพื่อลดปัญหาการจ่ายสำนวนคดีประเภทเดียวกันให้แก่องค์คณะหลายองค์คณะ และลดปัญหาการวินิจฉัยคดีปกครองที่มีลักษณะอย่างเดียวกันรวมทั้งได้รวบรวมประเด็นปัญหาในการวินิจฉัยคดีปกครองที่มีลักษณะอย่างเดียวกันโดยดำเนินการวิเคราะห์และจัดทำแนวคำวินิจฉัยของศาลปกครองให้มีมาตรฐานเดียวกันทั้งศาลปกครองชั้นต้นและศาลปกครองสูงสุด
1.3) การพัฒนางานวิเคราะห์เหตุแห่งการฟ้องคดีปกครอง โดยได้จัดทำรายงานการวิเคราะห์เหตุแห่งการฟ้องคดีปกครอง พร้อมข้อเสนอแนะแนวทางการปรับปรุงวิธีปฏิบัติราชการต่อหน่วยงานของรัฐที่ถูกฟ้องคดีมากจากเหตุแห่งการฟ้องคดี เพื่อเป็นการลดหรือป้องกันไม่ให้เกิดข้อพิพาทในลักษณะเดียวกันขึ้นสู่การพิจารณาพิพากษาของศาลปกครองอีก รวมทั้งจัดงานเสวนาเกี่ยวกับเหตุแห่งการฟ้องคดีในรูปแบบออนไลน์ และนำองค์ความรู้ดังกล่าวไปเผยแพร่ในรูปแบบ E-Learning โดยจัดเสวนาทวิภาคีร่วมกับหน่วยงานของรัฐต่าง ๆ แล้ว เช่น กรมบัญชีกลาง กรมที่ดิน และกำหนดจะจัดเสวนาร่วมกับกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นในช่วงเดือนมีนาคม 2565
1.4) การผูกมิตรสร้างแนวร่วมกับผู้ที่มีบทบาทสำคัญในสังคม หรือผู้ที่มีคุณูปการต่อการก่อตั้งศาลปกครอง โดยเรียนเชิญผู้ทรงคุณวุฒิที่มีบทบาทสำคัญในการจัดตั้งศาลปกครอง มาให้ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่อศาลปกครองอย่างต่อเนื่อง
1.5) การเผยแพร่ความรู้ การขยายความร่วมมือทางวิชาการกับหน่วยงาน สถาบัน หรือองค์กรต่าง ๆ โดยมีการสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานภายนอก จำนวน 6 หน่วยงานหรือกลุ่มองค์กร ได้แก่ (1) กรมบัญชีกลาง (2) กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (3) กรมที่ดิน (4) หน่วยงานกลางผู้ถูกฟ้องคดีมากและหน่วยงานผู้ถูกฟ้องคดีในเรื่องการเวนคืน การโอนสิทธิ์ เช่น การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กรมทางหลวง ฯลฯ (5) สถาบันการศึกษา และ (6) องค์กรในกระบวนการยุติธรรม (สำนักงานอัยการสูงสุดและสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์)
- 2.กำหนดนโยบายการดำเนินงานให้สำนักงานศาลปกครอง เช่น
การเร่งรัดการสรรหาพนักงานคดีปกครองให้เพียงพอต่อการสนับสนุนงานพิจารณาพิพากษาคดีงานธุรการศาลในศาลปกครองชั้นต้น และงานบังคับคดีปกครอง การปรับปรุงโครงสร้างของหน่วยงานภายในของสำนักงานศาลปกครอง เพื่อให้สอดคล้องกับบทบาทภารกิจ มีลักษณะการดำเนินงานที่กระชับและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ประธานศาลปกครองสูงสุด กล่าวโดยสรุปว่า ปี 2565 ศาลปกครองจะเดินหน้าพัฒนาการอำนวยความยุติธรรมทางปกครองให้เป็นไปตามมาตรฐานอันเป็นที่ยอมรับของทุกภาคส่วนและในระดับสากล ควบคู่กับการนำเทคโนโลยีมาใช้สนับสนุนการดำเนินกระบวนพิจารณาคดี และแก้ไขปรับปรุงกฎหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและแก้ปัญหาทางปฏิบัติในการพิจารณาคดี โดยเฉพาะคดีปกครองเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นคดีที่จำเป็นต้องได้รับการพิจารณาโดยรวดเร็ว เพื่อให้คู่กรณีและประชาชนได้รับความยุติธรรมโดยไม่ล่าช้า รวมทั้งให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์เหตุแห่งการฟ้องคดีปกครอง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานรัฐ ซึ่งจะเป็นบรรทัดฐานในการปฏิบัติราชการทางปกครองที่ดี ที่จะช่วยป้องกันและลดข้อพิพาททางปกครอง เพื่อสร้างสังคมธรรมาภิบาลให้เกิดขึ้นในประเทศไทยสืบไป
จากนั้น เวลา 12.00 น. ประธานศาลปกครองสูงสุดเป็นประธานในพิธีเปิดห้องบริการประชาชนทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-AdminCourt Room) เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนและผู้ที่ประสงค์จะดำเนินคดีปกครองผ่านระบบ e-Litigation Portal รวมทั้งผู้ที่สนใจสามารถเข้าใช้บริการเป็นสถานที่เรียนรู้เกี่ยวกับระบบศาลปกครองอิเล็กทรอนิกส์ (e-Admincourt) โดยภายในห้องบริการประชาชนดังกล่าวได้มีการจัดเตรียมสถานที่ อุปกรณ์ และระบบสาธิตการเข้าใช้ระบบงานคดีปกครองอิเล็กทรอนิกส์ไว้อย่างครบครัน รวมทั้งมีเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำเกี่ยวกับระบบงานคดีปกครองอิเล็กทรอนิกส์อีกด้วย โดยห้องบริการประชาชนดังกล่าวตั้งอยู่บริเวณโถงทางเดิน ชั้น 1 (ฝั่ง กสท. ด้านหน้า ติดกับห้องปรึกษาคดี 5) อาคารศาลปกครอง ถนนแจ้งวัฒนะ ซึ่งจะเปิดให้บริการประชาชนในวัน และเวลาราชการ เริ่มตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคม 2565 เป็นต้นไป