บิ๊กแบ็ค “อัศวิน” ชิง “ผู้ว่าฯ กทม.” ศึกชี้ชะตา“3 ป.” ไปต่อ หรือ พอแค่นี้
สนาม “ผู้ว่าฯ กทม.” เที่ยวนี้ นอกจากจะชี้ชะตา “อัศวิน” แล้ว ยังจะเป็นตัวบ่งบอกที่ชัดเจน ถึงการเมืองสนามใหญ่อีกด้วย ความสำเร็จ หรือไม่สำเร็จ ของ “อัศวิน” จะทำให้เห็นทิศทางของ “พล.อ.ประยุทธ์-พล.อ.ประวิตร” ว่าจะได้รับการตอบรับแค่ไหน ในการเลือกตั้งใหญ่
ขุมกำลังของแคนดิเดตผู้ว่าฯ กทม. อย่าง “พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง” ค่อยๆ เผยให้เห็นถึงความเคลื่อนไหว ที่คอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลังในการชิงชัยเก้าอี้เบอร์ 1 ผู้บริหารเมืองหลวง
ไม่เพียงแต่กลุ่ม “รักษ์กรุงเทพ” ที่เป็นสังกัดของผู้สมัคร ส.ก. ในปีกที่เป็นแบ็คอัพ โดยเคลื่อนไหวทำพื้นที่มาตั้งแต่ก่อนที่ “อัศวิน” จะเปิดตัว เรียกว่าเตรียมพร้อมขยายฐานทางการเมืองอยู่นานหลายเดือน
กลุ่มรักษ์กรุงเทพ นับเป็นชุมทางที่รวบรวมมือดีจากแทบทุกสารทิศมารวมกัน หากสแกนจากรายชื่อผู้สมัคร ส.ก. ก็พอจะเห็นว่า ล้วนเป็นเด็กในสังกัดของกลุ่มการเมืองจากหลายขั้ว ที่ส่งมาเกาะเกี่ยวหวังเติบโตในสายอำนาจเก่า กทม. ที่ตั้งเป้าต่อท่ออำนาจอีกสมัย
เรื่องฐานเสียงจัดตั้ง จึงเป็นจุดแข็งของ “อัศวิน” และ “กลุ่มรักษ์กรุงเทพ” ที่มีทีมงานเหนียวแน่วในพื้นที่ และเป็นที่รู้จักของคนในชุมชน แต่ขณะเดียวกัน จุดอ่อนสำคัญ คือเรื่องของกระแส ที่ดูไม่ค่อยกระเตื้องเหมือนคู่แข่งสำคัญอย่าง “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์”
สะท้อนผ่านผลสำรวจความนิยมของนิด้าโพล "ชัชชาติ" ยืนหนึ่งมาอย่างต่อเนื่อง ตัวเลขอยู่ที่ประมาณ 38% ขณะที่ อัศวิน" ผลสำรวจอยู่ที่ประมาณ 10-11 % เท่านั้น
แต่ดูเหมือนการให้สัมภาษณ์ล่าสุดของ “อัศวิน” ค่อนข้างมั่นใจว่า ตัวเองเพิ่งเปิดตัว แต่มีความมั่นใจและเชื่อว่า จะขยับขึ้นมาอันดับที่ 1 อย่างแน่นอน โดยไม่ต้องปรับกลยุทธ์
สอดคล้องกับความเคลื่อนไหวของใน “พรรคพลังประชารัฐ” ที่ซุ่มทำโพลของตัวเอง สุ่มประชากรกลุ่มตัวอย่างจำนวนหลายหมื่นคน ปรากฎว่า “ชัชชาติ” มีความนิยม 15% และ “อัศวิน” อยู่ที่ 14 %
ส่วนลำดับที่เหลือ อาทิ “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. จากพรรคก้าวไกล ความนิยม อยู่ที่ประมาณ 11% โดย “ดร.เอ้ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์” ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ความนิยมสูสีกับ ผู้พันปุ่น “น.ต.ศิธา ทิวารี” ผู้สมัครจากพรรคไทยสร้างไทย ที่ความนิยมใกล้เคียงกันประมาณ 8-9 % และกลุ่มใหญ่ที่ยังไม่ตัดสินใจ ประมาณ 35%
ที่สำคัญพี่น้อง “3 ป.” ที่ก่อนหน้านี้ แทบจะไม่สัญญาณว่าจะสนับสนุน “อัศวิน” โดยเฉพาะพี่ใหญ่ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ตอนนี้ก็เริ่มมีท่าทีหันมาให้การสนับสนุนอย่างเสียไม่ได้ เพราะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดที่มี สามารถคอนโทรลได้ เอาไว้เป็นฐานค้ำอำนาจในทางหนึ่ง และรู้ว่า “อัศวิน” เองก็พอจะมีอาวุธลับ ไปเบียดสู้ “ชัชชาติ” ได้
“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เอง ที่นอกจากจะให้สัมภาษณ์จนสังคมเชื่อมโยงได้ว่า สนับสนุนเด็กในคาถาแล้ว
นอกจากนั้น หลังจาก “อัศวิน” สมัครรับเลือกตั้งเป็นที่เรียบร้อย “พล.อ.ประยุทธ์” ก็ได้สื่อสารกับ “อัศวิน” มีการให้กำลังใจในการสู้ศึกครั้งนี้อีกด้วย เรียกว่าสัญญาณชัดเสียยิ่งกว่าชัด
ขณะที่ “พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา” รมว.มหาดไทย ที่เคยเป็นผู้บังคับบัญชา “อัศวิน” ในตำแหน่ง “ผู้ว่าฯ กทม.” มานานเกือบ 6 ปี คงไม่ต้องบอกว่า มองตาก็รู้ใจกันแค่ไหน และยังมีอะไรต้องสานต่ออีกมากมาย
เลยไม่ต้องแปลกใจ ถ้า “อัศวิน” จะมั่นใจมากว่าตัวเอง จะขยับอันดับมายืนที่ 1 ในการสำรวจความนิยมครั้งต่อๆ ไป
ด้วยฐานะคะแนนจัดตั้ง และแบ็คอัพระดับบิ๊ก “3 ป.” ที่สามารถระดมทรัพยากร และสรรพกำลังมาช่วย ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
สนาม “ผู้ว่าฯ กทม.” เที่ยวนี้ นอกจากจะชี้ชะตา “อัศวิน” แล้ว ยังจะเป็นตัวบ่งบอกที่ชัดเจน ถึงการเมืองสนามใหญ่อีกด้วย
ความสำเร็จ หรือไม่สำเร็จ ของ “อัศวิน” จะทำให้เห็นทิศทางของ “พล.อ.ประยุทธ์-พล.อ.ประวิตร” ว่าจะได้รับการตอบรับแค่ไหน ในการเลือกตั้งใหญ่ มีแนวโน้มจะได้ไปต่อ หรือพอแค่นี้หรือไม่อย่างไร
ผลการเลือกตั้ง 22 พ.ค. นี้ “3 ป.” คงจะได้คำตอบว่า สามารถต่อท่ออำนาจสำเร็จ หรือเห็นแล้วว่า อำนาจกำลังจะเปลี่ยนมือ คนกรุงเทพฯ จะเป็นผู้เฉลยทั้งหมด