แม็คโคร ปลุกกระแสธุรกิจสีเขียวตลอดห่วงโซ่ หยุดขายโฟมบรรจุอาหารทุกสาขา
แม็คโคร ปลุกกระแสธุรกิจสีเขียวตลอดห่วงโซ่ หยุดขายโฟมบรรจุอาหารทุกสาขา ปักหมุดศูนย์รวมบรรจุภัณฑ์รักษ์โลก พร้อมปั้นสาขาประหยัดพลังงานทุกจังหวัด มุ่งสู่เป้าหมายองค์กรคาร์บอนสมดุลภายในปี 2030
หลังประกาศหยุดขายโฟมบรรจุอาหารทุกสาขาทั่วประเทศแล้ว “แม็คโคร” เดินหน้าผลักดันนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมเชิงรุกอย่างหนัก ปลุกกระแสการใช้ บรรจุภัณฑ์รักษ์โลก ในกลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหาร รวมทั้งผลักดันสาขาประหยัดพลังงานที่เน้นผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งบนหลังคาทุกจังหวัดที่มี มุ่งสู่องค์กรคาร์บอนสมดุลภายในปี 2030
นางศิริพร เดชสิงห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการสื่อสารองค์กร บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หลังจากแม็คโคร ประสบความสำเร็จในการหยุดขายโฟมบรรจุอาหารในทุกสาขาทั่วประเทศ ส่งผลให้ช่วยลดขยะโฟมบรรจุอาหารแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งไปได้ถึง 107 ล้านชิ้น หรือเทียบเท่ากับการที่เราช่วยรักษาต้นไม้ไว้ได้จำนวน 233,791 ต้น ไม่เพียงเท่านั้น แม็คโคร ยังคงเดินหน้าพันธกิจด้านสิ่งแวดล้อมในเชิงรุก สานต่อเจตนารมณ์การเป็นธุรกิจสีเขียวตลอดห่วงโซ่ในด้านต่างๆ ล่าสุดได้ร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และพันธมิตรทางธุรกิจที่ผลิตบรรจุภัณฑ์รักษ์โลก ปลุกกระแสการใช้บรรจุภัณฑ์ย่อยสลายได้ในกลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหาร ภายใต้โครงการ Say Hi to Bio, Say No to Foam เพื่อเป็นแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการร้านอาหารและลูกค้าทั่วไปหันมาใช้บรรจุภัณฑ์ย่อยสลายได้
แม็คโคร ได้สร้างการตระหนักรู้และเชิญชวนผู้ประกอบการรายย่อยให้หันมาใช้สินค้าและผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากผู้ประกอบการถือเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญในการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่จะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยเรามีผลิตภัณฑ์รักษ์โลกประเภทต่างๆ มากกว่า 530 รายการ และได้ร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจจัดกิจกรรมรูปแบบต่างๆ เพื่อให้ผู้ประกอบการทุกกลุ่มได้เข้าถึงในราคาประหยัด ไม่เพิ่มภาระต้นทุน ทำให้ได้ชื่อว่าเป็นศูนย์รวมบรรจุภัณฑ์ย่อยสลายได้ที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศ ซึ่งปีที่ผ่านมา กลุ่มบรรจุภัณฑ์ย่อยสลายได้ในแม็คโคร มียอดขายเติบโตขึ้นถึง 23%
ไม่เพียงเท่านั้น แม็คโคร ยังคงเดินหน้าแผนงานด้านสิ่งแวดล้อมที่วางไว้อย่างเข้มข้น เพื่อบรรลุเป้าหมายองค์กรคาร์บอนสมดุลภายใน 2030 โดยมีอีกหลายแผนงานสำคัญประกอบด้วย
- การลดปริมาณขยะฝังกลบให้เป็นศูนย์ โดยมีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางอาหารเพื่อสัตว์ป่ากับ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ส่งต่อ ผัก ผลไม้ และอาหารส่วนเกินที่ยังรับประทานได้ จากสาขาแม็คโคร เพื่อเป็นอาหารสัตว์ ผ่านศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่า 27 แห่ง, นำอาหารหมดอายุที่จำหน่ายไม่ได้แปรรูปเป็นน้ำหมักชีวภาพ (EM), การบริจาคเศษอาหารเพื่อให้หน่วยงานนำไปทำเป็นปุ๋ยหมัก อาทิ เทศบาล กรมราชทัณฑ์
- การผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา (Solar rooftop) ซึ่งตั้งเป้าหมายติดตั้งในทุกจังหวัดที่มีสาขาตั้งอยู่ ปัจจุบันติดตั้งไปแล้ว 52 สาขา ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไปได้ประมาณ 20,000 ตัน CO2e ต่อปี เทียบได้กับการรักษาต้นไม้ไว้ได้ 1.3 ล้านต้น
- การบริหารจัดการพลังงานภายในอาคารอย่างมีประสิทธิภาพ จากการเปลี่ยนโคมไฟแสงสว่างเป็นหลอด LED ประสิทธิภาพสูง
- การบริหารจัดการระบบทำความเย็นและน้ำยาทำความเย็นที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ของระบบตู้แช่อาหารสด รวมทั้ง เปลี่ยนเครื่องทำความเย็น (Chiller) ระบบปรับอากาศที่มีประสิทธิภาพสูง
“นโยบายด้านสิ่งแวดล้อม ถือเป็นเรื่องสำคัญที่เรายังเดินหน้าสานต่อเจตนารมณ์ในการเป็นธุรกิจสีเขียวตลอดห่วงโซ่อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ประกอบการ และลูกค้าทุกกลุ่มของเรา ได้มีส่วนร่วมในการดูแลสิ่งแวดล้อมร่วมกัน โดยตั้งเป้าหมายในการเป็นองค์กรคาร์บอนสมดุล ภายในปี 2030” นางศิริพร กล่าว
ทั้งนี้ เนื่องใน “วันสิ่งแวดล้อมโลก” (5 มิถุนายน) ตั้งแต่วันนี้ - 14 มิถุนายน แม็คโคร ยืนหยัดสนับสนุนและรณรงค์การใช้บรรจุภัณฑ์รักษ์โลกอย่างต่อเนื่อง ผ่านการลดต้นทุนให้ผู้ประกอบการ ในผลิตภัณฑ์ถุงกระดาษ ถุงหูหิ้ว ถุงขยะ ที่แม็คโครทุกสาขาทั่วประเทศ และรับฟรีผลิตภัณฑ์รักษ์โลก ที่สาขาในเมืองท่องเที่ยว ได้แก่ สาขาเชียงใหม่ สาขาภูเก็ต สาขาพัทยา สาขาหัวหิน และสาขาสุพรรณบุรี โดยสินค้ามีจำนวนจำกัด ส่วน “วันทะเลโลก” (8 มิถุนายน) แม็คโครร่วมกับผู้ผลิตถุงขยะแชมเปี้ยน ช่วยเต่าทะเล เมื่อซื้อสินค้าร่วมรายการทุก 1 ชิ้น เท่ากับร่วมบริจาค 1 บาท ให้กับศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล เกาะมันใน จ.ระยอง ตั้งแต่วันนี้ จนถึง 30 มิถุนายน 2565 ที่ แม็คโคร ทุกสาขาทั่วประเทศ